สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 39,995 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 33,307 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 83% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 6,061 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 5 ปี 7 ปี และ 9 ปี (LB17OA LB193A และLB21DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,909 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 626 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT183A) หุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC14DA) และหุ้นกู้ของบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) (TK146A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 456 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 9,690 ล้านบาท กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 907 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 215 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงในช่วงประมาณ - 1 ถึง - 4 Basis Point โดยภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ในวันนี้ การซื้อขายส่วนใหญ่ (83%) กระจุกตัวอยู่ในตราสารระยะสั้นที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายของตราสารหนี้ในช่วงอายุคงเหลืออื่นๆ ยังค่อนข้างเบาบางอยู่เช่นเดิม ซึ่งในช่วงนี้ยังปัจจัยเรื่องปัญหาหนี้ยุโรปกลับเข้ามามีผลต่อตลาดอีกครั้ง หลักจากที่ตลาดกังวลว่ากรีซอาจผิดนัดชำระหนี้ในเดือนมี.ค.นี้
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.11% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.10% ปรับตัวลดลง 0.03% จากวันทำการก่อนหน้า