สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 84,362 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 75,740 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 89% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 7,984 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 3 ปี และ 5 ปี (LB15DA LB176A และLB17OA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 4,793 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 395 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC124A) หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL12OA) และหุ้นกู้ของบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) (TICON132A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 216 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 24,882 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้มีสถานะซื้อสุทธิ 4,993 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 5,947 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงในช่วงประมาณ - 1 ถึง - 4 Basis Point โดยภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ในวันนี้ การซื้อขายส่วนใหญ่ (90%) กระจุกตัวอยู่ในตราสารระยะสั้นที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายของตราสารหนี้ในช่วงอายุคงเหลืออื่นๆ ยังค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆที่เข้ามาส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ในช่วงนี้
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.10% ปรับตัวลดลง 0.01% จากวันก่อนหน้าและอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.10%