นายต่อ อินทวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.แมนูไลฟ์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 55 บริษัทมีแผนจะเสนอขายกองทุนรวมเพื่อลงทุนในต่างประเทศ(FIF)จำนวน 3 กองทุน เพื่อเพิ่มขนาดมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM)ให้สูงขึ้นจากปี 54 ที่อยู่ในระดับ 2.3 หมื่นล้านบาท
กองทุน FIF ของบริษัทเน้นการลงทุนในตลาดเอเชีย โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีและแข็งแกร่งต่อเนื่อง ขณะที่ฝั่งสหรัฐและยุโรปชะลอตัวจากปัญหาทางเศรษฐกิจ รวมทั้งเลือกลงทุนในตราสารใหม่ ๆ ที่มีรูปแบบแตกต่างจากผู้บริหารกองทุนรายอื่น ๆ ทั้งตราสารหนี้และหุ้น อีกทั้งบริษัทจะขยายช่องทางในการขายสินค้าที่หลากหลายขึ้น ทั้งผ่านโบรกเกอร์ และ ธนาคารพาณิชย์
บริษัทจะประเดิมเสนอขายกองทุนแรกในปีนี้ คือ"กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เอเชียน สมอลแคป อิควิตี้ เอฟไอเอฟ ( MS-ASIAN SM) ซึ่งจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก คือ Manulife Global Fund-Asian Small Cap Equity Fund ที่เน้นการกระจายการลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็กในภูมิภาคเอเชีย โดยจะเสนอขายในวันที่ 18-29 ม.ค.55
"MS -ASIAN SM จะเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนในการเลือกลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ เพราะเท่าที่ดูยังมีหลายบริษัทที่ถูกมองข้ามจากบลจ.อื่น การที่เรามีเครือข่ายอยู่ทั่วโลกเป็นจุดแข็งที่สำคัญของเราในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้มีความหลากหลายในอนาคต ในปีนี้เราไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของขนาดสินทรัพย์ เราเน้นที่การเพิ่มสินค้าและช่องทางที่เพิ่มขึ้นมากกว่า เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น"นายต่อ กล่าว
ด้านนางลินดา ซีแลค หัวหน้าทีมผู้จัดการกองทุนตราสารทุน ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก บลจ.แมนูไลฟ์ กล่าวว่า กองทุนดังกล่าวจะมีการบริหารที่ใช้กลยุทธการลงทุนแบบ Bottom-up ในการคัดสรรหุ้นขนาดเล็กที่มีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตที่ดี และอยู่ในช่วงแรกของวัฎจักรธุรกิจ รวมทั้งยังไม่ค่อยมีการจัดทำบทวิเคราะห์หรือได้รับความสนใจ ทำให้หุ้นยังมีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานซึ่งเป็นจังหวะในการเข้าลงทุนของกองทุน และขณะเดียวกันการที่เป็นหุ้นขนาดเล็กส่งผลต่อผลตอบแทนเฉลี่ยเพิ่มได้มากเพราะมูลค่าหุ้นขนาดเล็กจะมีราคาที่ถูกกว่าหุ้นขนาดใหญ่