ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) หลังจากปิดบวกมาสี่วันติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการประชุมระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ภาคเอกชนซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่สามแล้ว
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5,728.55 จุด ปรับตัวลง 12.60 จุด หรือ 0.2% จากระดับปิดสูงสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อวันพฤหัสบดี
นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างรัฐบาลกรีซและเจ้าหนี้ภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด โดยการหารือได้ดำเนินเข้าสู่วันที่สามเมื่อวานนี้ ด้วยความพยายามของทุกฝ่ายที่จะบรรลุข้อตกลงปรับลดมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลกรีซ ซึ่งจะช่วยให้กรีซหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่อาจสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดได้
ทั้งนี้ นายอีแวนเจลอส เวนิเซลอส รัฐมนตรีคลังกรีซ ได้เจรจากับเจ้าหนี้ภาคเอกชนเพื่อขอให้ยอมปรับลดมูลค่าการถือครองพันธบัตรกรีซลง 1 แสนล้านยูโร (1.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือคิดเป็น 50% เพื่อแลกกับการจ่ายเงินสดและการออกพันธบัตรใหม่ที่มีระยะเวลาไถ่ถอนนานออกไป หลังจากที่การเจรจาได้หยุดชะงักไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากเกิดการไม่เห็นด้วยกับอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรล็อตใหม่
หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลง นำโดยบีพี บริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของยุโรปที่ร่วง 3% บีจี กรุ๊ป ลบ 2.2% และรอยัล ดัทช์ เชลล์ บริษัทน้ำมันรายใหญ่สุดลดลง 1.3% หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์ก เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมัน หลังกิจกรรมการผลิตในประเทศจีนส่งสัญญาณอ่อนแอลง
โดยวานนี้ เอสเอสบีซีเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นสำหรับภาคการผลิตของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 48.8 ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบกับตัวเลขขั้นสุดท้ายที่ 48.7 ในเดือนธ.ค.
อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางอุตสาหกรรมหดตัวลง ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนอยู่ในระดับหดตัว
ขณะที่บริษัทผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซ ปิโตรแฟค ร่วง 4.3% หลังถูกเจพีมอร์แกนปรับลดคำแนะนำลงเป็น “neutral" จาก “overweight"