(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าขายทำกำไรตามตปท.กังวล Fiscal Cliff หลังโอบามาชนะสมัย 2

สำหรับปัจจัยการลงทุนในประเทศวันนี้มองว่ายังเป็นเรื่องของผลประกอบการไตรมาส 3 อยู่

"มองกลยุทธ์การลงทุนยังเป็นการซื้อเมื่ออ่อนตัว และตอนนี้หันไปลงทุนในตัวที่ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นในช่วงสั้น" นายกิจพล กล่าว

พร้อมให้กรอบแนวรับ 1,285 จุด แนวต้าน 1,305 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(7 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 12,932.73 จุด ลดลง 312.95 จุด(-2.36%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,394.53 จุด ลดลง 33.86 จุด(-2.37%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,937.29 จุด ลดลง 74.64 จุด(-2.48%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 104.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 314.02 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 58.18 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 24.91 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 30.71 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 0.21 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 3.72 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ลดลง 24.20 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(7 พ.ย.)ที่ระดับ 1,299.74 จุด ลดลง 1.10 จุด(-0.08%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 536.50 ล้านบาทเมื่อ 7 พ.ย.55
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้ที่ 84.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 4.27 ดอลลลาร์หรือ 4.8%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์เมื่อวานนี้ปิดที่ 5.5 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 30.74/76 อ่อนค่าตามภูมิภาค กังวล fiscal cliff
• ธปท. ชี้ ผลดี "โอบามา" ชนะเลือกตั้งเป็น ประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 เกิดความต่อเนื่องนโยบาย ด้านภาคเอกชนคลายกังวล ประเมินไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจ-ความมั่นคง ขณะที่วงการตลาดเงิน-ทุน คาดเงินทุนยังไหลเข้าเอเชีย รวมถึงไทย หากสหรัฐคงนโยบายเดิม
• ไทย-พม่าประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูง ตั้ง 6 คณะอนุกรรมการ ร่วมผลักดันโปรเจคทวาย "นิวัฒน์ธำรง"มั่นใจทำแผนเสร็จใน 3 เดือน คาดเริ่มก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานได้เดือนเม.ย.2556 ยอมรับ ต้องปรับงบลงทุนโครงการใหม่ หลังพม่าขอให้สร้างรถไฟความเร็วสูงเข้าทวาย ปัดรัฐร่วมลงทุนยันเป็นเพียงผู้ประสานงาน สนับสนุนเอกชน-รัฐวิสาหกิจลงทุนเท่านั้น
• รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าจ้าง 300 บาททั่วประเทศ ด้วยการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นให้แรงงานโดยตรง ไม่ต้องผ่านผู้ประกอบการ
• อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าวว่า ปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากค่าจ้างที่รัฐบาลมีนโยบายปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศเป็น300 บาทต่อวันนั้น อาจจะส่งผลให้ผู้ประกอบการอัญมณีต้องย้านฐานการผลิตไปประเทศอื่นที่มีต้นทุนต่ำกว่า ขณะที่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 หรือเออีซี จะเป็นผลบวกมากกว่าผลเสีย
• นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.)เปิดเผยว่า การที่ กทค.อีก 4 คน มีมติเตรียมออกหลักเกณฑ์กำหนดค่าบริการขั้นสูงควบคู่ไปกับการให้ใบอนุญาตให้บริการ (ไลเซนส์) 3จี 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ไม่เกินนาทีละ 78 สต.เฉพาะบริการด้านเสียงเพียงอย่างเดียว ถือว่าไม่จริงใจต่อผู้ใช้บริการเพราะไม่ได้รักษาสัญญาที่เคยประกาศไว้ เพราะที่ผ่านมา กทค.ได้ประกาศเจตนารมณ์ และชี้แจงกับคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ว่าจะลดค่าบริการทั้งเสียงและดาตาลงภายใต้ไลเซนส์
• ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเสนอการเพิ่มทุนเรือนหุ้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)จำนวน 1 หมื่นล้านบาทจากปัจจุบันที่มีทุนจดทะเบียน 5 หมื่นล้านบาทเป็น 6 หมื่นล้านบาทให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาเห็นชอบ เพื่อใช้ในการขยายสินเชื่อของธนาคารต่อไป

*หุ้นเด่นวันนี้

• WHA(ทรีนีตี้)เข้าเทรดวันนี้วันแรก จำนวนหุ้น 510 ล้านหุ้น หุ้น IPO จำนวน 129 ล้านหุ้น ราคาจองซื้อ 13.25 บาท กลุ่มบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจพัฒนาและให้เช่าโครงการฯ ที่พัฒนาขึ้นตามความต้องการของลูกค้า(Built-to-Suit) ที่ส่วนมากจะเป็นโครงการขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 56 เท่ากับ 15 บาท ภายใต้ P/E เท่ากับ 10 เท่า แต่ถ้าให้ P/E เท่ากับ 12 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 18 บาท
• PTT(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 422 บาท คาดแจ้งกำไรสุทธิ 3Q55 ออกมาประมาณ 3.45 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 305%qoq และ 60%yoy กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรในบริษัทลูก โดยเฉพาะกับบริษัทลูกในธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรฯที่ไตรมาสนี้มีการบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบและบันทึกกลับรายการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ(LCM)จำนวนมาก ทั้งนี้ จึงมีแนวโน้มที่จะปรับประมาณการขึ้นหลังจากบริษัทประกาศงบ 3Q55
• ITD(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 4.28 บาท ข่าวหนุนช่วงสั้นจากผลประกอบการ 3Q53 คาดว่าจะพลิกกลับมาเป็นกำไรได้หลังไม่มีการตั้งสำรองหนี้เสีย รวมถึงความคืบหน้าการเซ็นสัญญาโครงการหงสาในลาวกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มงานในมือสู่ระดับแสนล้านบาทเป็นปัจจัยบวกระยะสั้น แต่ยังไม่ให้น้ำหนักต่อโครงการทวาย เนื่องจากยังต้องใช้เวลาและรอความชัดเจน
• MFEC(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 7.50 บาท ปัจจัยบวกระยะสั้นคือการเติบโตของผลประกอบการ 3Q55 ที่คาดไว้ราว 12% QoQ ส่วนปัจจัยบวกระยะยาว คืออัตราเติบโตของกำไร 3 ปีจะสูงถึง 30% นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6% แม้ว่าหุ้นจะปรับขึ้นมาเมื่อวานนี้แต่ยังคงถูกเมื่อเทียบกับกลุ่ม
• VNT(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 21.20 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 3/55 แข็งแกร่งที่ 598 ล้านบาท ลดลง 27% YoY แต่เพิ่มขึ้น 14% QoQ สูงกว่าคาด รายได้เติบโตด้วยปัจจัยหนุนจากปริมาณขายสูงขึ้นและการรับรู้รายได้จากโครงการ Epichlorohydrine(ECH)