GSTEEL คาดปี 56 พลิกกำไร หลังได้เงินเพิ่มทุนเดินเครื่องเต็ม 100% ใน Q2

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 7, 2013 16:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล รองประธานกรรมการ บมจ. จี สตีล(GSTEEL)คาดว่า ในปี 56 บริษัทจะพลิกฟื้นมามีกำไรได้ โดยน่าจะเริ่มกลับมาผลิตเต็มกำลังการผลิตได้ในไตรมาส 2/56 จากปีก่อนที่มีกำลังการผลิตเฉลี่ย 20-30% รวมโรงงานของ บมจ.จี เจ สตีล(GJS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่มีกำลังการผลิตเหล็กรีดร้อนรวม 3.3 ล้านตัน โดยปัจจุบันโรงงานผลิตของบริษัททั้งสองอยู่ระหว่างปิดซ่อมบำรุงประจำปี

นอกจากนั้น แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กในปีนี้สดใสขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดกับผู้นำเข้าเหล็กจากจีน เมื่อเดือน ธ.ค.55 จึงเชื่อว่าปัญหาเหล็กรีดร้อนคุณภาพต่ำจากจีนเข้ามาแข่งขันและสร้างปัญหากับอุตสาหกรรมเหล็กของไทยมาตั้งแต่ปี 52 จะหมดลงไป ประกอบกับ ความต้องการใช้ภายในประเทศสูงขึ้นจากงานก่อสร้างโครงการพื้นฐานที่มีมูลค่าโครงการกว่า 2 ล้านล้านบาท และโครงการภายใต้การบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท

"ปี 56 เป็นปีที่ดีของอุตสาหกรรมเหล็กรีดร้อน เพราะเมื่อเดือนธันวาคม 55 กระทรวงพาณิชย์ได้สามารถปกป้องการนำเข้าเหล็กรีดร้อนที่เลี่ยงภาษี... ตอนนี้อุตสาหกรรรมเหล็กปลอดภัยแล้ว แต่ก็ยังมีผู้ผลิตจากเกาหลีใต้ อินเดีย มีการนำเข้าอยู่แต่น้อยกว่าจีน ตอนนี้แนวโน้มน่าจะดี"นายสมศักดิ์ กล่าวในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น GSTEEL ในวันนี้

นายสมศักดิ์ กล่าววอีกว่า เมื่อ GJS เพิ่มทุนจดทะเบียนสำเร็จก็จะได้รับเงินจำนวนประมาณ 2.7 พันล้านบาท บริษัทจะนำเงินประมาณ 1.2-1.3 พันล้านบาทไปใช้ซื้อเศษเหล็กเพื่อเดินเครื่องทำการผลิตต่อไป ส่วนอีกประมาณ 1 พันล้านบาทจะคืนให้กับ GSTEEL ซึ่ง GSTEEL ก็จะนำเงืนไปใช้ในการเดินเครื่องผลิตเช่นกัน

ส่วน GSTEEL เตรียมเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 1.3 พันล้านบาทให้กับผู้ถือหุ้นเดิมหลังจากที่กระบวนการแปลงหนี้เป็นทุนเรียบร้อยแล้ว

ด้านนายชาญ บูลกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป(BROOK)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน คาดว่าการขายหุ้นเพิ่มทุน GJS จะประสบความสำเร็จตามแผนที่คาดไว้ เพราะราคาเสนอขายอยู่ที่หุ้นละ 0.08 บาทต่ำกว่าราคาตลาดที่หุ้นละ 0.09 บาท และผู้ถือหุ้นเดิมยังได้ใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้นสามัของบริษัทฟรีในสัดส่วน 1 หุ้นต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ

กระบวนการแปลงหนี้เป็นทุนของ GSSTEEL คาดว่าจะแล้วเสร็จไนไตรมาส 1/56 หลังจากวันนี้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 5.3 พันล้านหุ้นให้กับเจ้าหนี้ของบริษัทตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุนในราคาหุ้นละ 0.50 บาท จำนวนเจ้าหนี้ 11 ราย เพื่อชำระหนี้ทั้งสิ้น 2.65 พันล้านบาท

ในจำนวนเจ้าหนี้ทั้งหมดมี 3 รายที่อยู่ระหว่างเจรจาคือ Cargill International Trading PTE.Ltd, Duferco Asia PTE.Ltd และ Intergate AG รวมมูลหนี้หนี้ 1.49 พันล้านบาท คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของหนี้ทั้งหมด ที่ยังไม่มีความแน่นอน ส่วนรายอื่นเจรจาเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถเจรจาให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/56

ภายหลังจากการแปลงหนี้เป็นทุนสำเร็จแล้วจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงมาเหลือประมาณ 0.5-0.6 เท่า หรือจำนวนหนี้ลดลงเหลือประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่มี D/E กว่า 3 เท่า หรือมีหนี้สินรวม 950 ล้านเหรียญสหรัฐ และปัจจุบันลดลงมาที่ 550 ล้านเหรียญสหรัฐจากการขอแฮร์คัดและแปลงหนี้เป็นทุนในครั้งก่อนหน้า

ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการคัดเลือกทีมบริหารจัดการคาดว่าจะเข้ามาทันทีหลังจากดำเนินการแปลงหนี้เป็นทุนเรียบร้อย โดยขณะนี้ได้คัดเลือกเหลือ 1 รายจาก 3 รายที่เสนอเข้ามา ซึ่งเป็นไปตามมติของที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันนี้ที่อนุมัติให้แต่งต้งบริษัทรับบริหารจัดการเข้ามาบริหารจัดการดำเนินธุรกิจของบริษัท เพื่อเป็นไปตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งหนึ่งในการปล่อยสินเชื่อให้แก่บริษัทและสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนและคู่ค้าของบริษัท

นายชาญ กล่าวว่า ทีมบริษัทจัดการจะเข้ามาเพื่อพลิกฟื้นกิจการ (Turnaround) ให้กลับมามีผลประกอบการที่ดีได้โดยเร็ว ซึ่งจะมีมืออาชีพเข้ามานั่งตำแหน่ง CEO CFO และฝ่ายปฏิบัตการ โดยจะจ้าง 1 ปี และต่อสัญญาปีต่อปี ขณะที่กรรมการบริษัทบางส่วนและฝ่ายบริหารจะลาออกไป เพื่อทำให้เกิดความโปร่งใสและให้บริษัทแข็งแรง

ขั้นตอนต่อไป บริษัทจะทำการควบรวมกิจการกับ GJS คาดว่าจะใช้เวลา 7-8 เดือน หรือในช่วงครึ่งหลังปี 56 เพื่อจะช่วยลดต้นทุนการจัดซื้อวัตถุดิบหรือเศษเหล็ก และลดการแข่งขันการขาย และไม่ได้ขัดกับกม. แข่งขันทางการค้า เพราะยังมี บมจ.สหวิริยาสตีล (SSI) ที่เป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อีกราย นอกจากนี้ยังมีการนำเข้าเหล็กอีกส่วน ดังนั้นการรวมกิจการระหว่าง GSTEELและ GJS ไม่ขัดกับกฎหมาย หลังจากนั้นบริษัทจะหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อบริษัทแข็งแรงและได้รับการบริหารจากมืออาชีพแล้ว บริษัทจะหาพันธมิตร ซึ่งอาจจะคุยกับอาร์เซลอร์มิตตัล (AM) ใหม่อีกครั้งก็ได้ หรืออาจจะหาเงินกู้กับธนาคารในประเทศ จากเดิมบริษัทมีนโยบายกู้เงินกับธนาคาร นอกจากนี้เคยติดต่อเจรจากับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ญี่ปุ่นเข้าร่วมทุน ซึ่งทั้งหมดเป็นขั้นตอนต่อไปที่จะดำเนินการ

"step ต่อไป ปีนี้บริษัทต้อง Turnaround หลังจากเราก็จะไปหา Investor ...ชวนบริษัทผลิตรถของญี่ปุ่นมาร่วมทุน GSTEEL ซึ่งญี่ปุ่นเขาอยากเห็น Turnaround ก่อน และทุกอย่างเคลียร์ ตอนนี้ก็ต้องหยุดเจรจาไปก่อน แต่ถ้าญี่ปุ่นเข้ามร่วมลงทุนก็สบายใจ"นายสมศักดิ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ