(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าซิกแซกขึ้นเช่นเดียวกับตลาดทั่วโลกหลังดอลลาร์ฯอ่อนค่า

ในสัปดาห์นี้ยังต้องจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ทั้งของจีนและสหรัฐฯ โดยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะมีประกาศหลายตัว เช่น ยอดขายบ้านใหม่ 24 ก.ค., จำนวนผู้ของรับสวัสดิการว่างงาน 25 ก.ค. ส่วนของจีนจะประกาศตัวเลข PMI ภาคอุตสาหกรรม 26 ก.ค.เป็นต้น

พร้อมให้แนวรับ 1,470-1,475 จุด แนวต้าน 1,500-1,520 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(22 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,545.55 จุด เพิ่มขึ้น 1.81 จุด(+0.01%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,695.53 จุด เพิ่มขึ้น 3.44 จุด(+0.20%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,600.39 จุด เพิ่มขึ้น 12.77 จุด(+0.36%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 102.68 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.19 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 100.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 47.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.20 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.02 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 7.95 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 9.52 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 7.00 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(19 ก.ค.)1,481.84 จุด ลดลง 5.35 จุด(-0.36%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 199.50 ล้านบาท เมื่อ 19 ก.ค.56
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(22 ก.ค.)ที่ 106.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.14 ดอลลาร์
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(22 ก.ค.)ที่ 8.2 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 30.91/93 กลับมาแข็งค่าตามทิศทางภูมิภาค
• ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ ตั้งแต่ลอนดอนจนถึงเซี่ยงไฮ้และโตเกียวทะยาน 1.7% แตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน โดยมีแรงซื้อทางเทคนิคหลังดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ขณะ"จิตติ"เตือนนักลงทุนระวังจากความผันผวน คาดราคาขยับในไตรมาส 3 มีโอกาสแตะ 22,000 บาทต่อบาททองคำ
• ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายในเดือน ก.ค.ว่า การกลับทิศของเงินทุนเคลื่อนย้ายและมุมมองของนักลงทุนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ค่าเงินบาทในปัจจุบันกลับมาอ่อนค่าลง 1% เมื่อเทียบกับต้นปีที่ผ่านมา จากที่แข็งค่าไปมากสุดถึง 6% ในช่วงเดือน เม.ย.
• รมช.คลังเผยแผนเก็บภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 1.50 บาทต่อลิตร ตั้งแต่เดือน ต.ค.56 ที่ระบุไว้ในเอกสารงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 จะเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกสูง ค่าเงินบาทอ่อน และการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลเหลืออยู่ลิตรละไม่ถึง 1 บาทหากปรับขึ้นภาษีจะทำให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น
• คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบให้ กฟผ.วางแผนกำลังการผลิตไฟฟ้าในภาคใต้ โดยเพิ่มโครงการลงทุนสายส่งภาคใต้อีก 6 หมื่นล้านบาทเพื่อสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้าภาคใต้ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับเป็นระยะเวลานานเหมือนที่ผ่านมา โดยเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ กฟผ.อนุมัติในหลักการวันที่ 26 ก.ค.นี้
• ตลาดหลักทรัพย์เผยหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาชนะทองคำกับพันธบัตรรัฐบาล แถมผลตอบแทนสูงกว่าตลาดหุ้นโลกและเอเชีย ได้อานิสงส์ผลประกอบการ บจ.เติบโตสูง ชี้การลงทุนสะสมแบบต่อเนื่องช่วยลดความผันผวนระยะสั้นของตลาดหุ้น
• กบข.ปรับแผนลงทุนครึ่งปีหลัง เพิ่มน้ำหนักลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ลดผลกระทบตลาดบอนด์ผันผวน หลังเฟดส่งสัญญาณยกเลิกคิวอี พร้อมกระจายเสี่ยงลงทุนนอก ลุยหุ้นสหรัฐรับเศรษฐกิจฟื้น คาดผลตอบแทนตลาดหุ้นครึ่งหลังปีนี้ไม่สูงเมื่อเทียบ 5 เดือนแรกที่กำไร 6-7 พันล้านบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

• MAJOR(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เพิ่มเป้าเป็น 25.40 บาท คาดกำไรปกติ 2Q56 ทุบสถิติกว่า 336 ล้านบาท(+83% YoY, +133% QoQ) จากธุรกิจโรงภาพยนตร์งวด 2Q56 คึกคักมากสุด มีภาพยนตร์ทำรายได้ Box Office สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีภาพยนตร์ทำรายได้ Box Office สูงกว่า 200 ล้านบาทถึง 3 เรื่อง นอกจากนี้ คาดว่า MAJOR จะมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น SF อีกราว 15 ล้านบาท รวมเป็นคาดกำไรสุทธิเท่ากับ 351 ล้านบาท (+61% YoY, +17% QoQ)
• AI (เกียรตินาคิน"ซื้อ"เป้าใหม่ 24 บาท ระยะสั้นประเมินได้ปัจจัยบวกจากผลประกอบการ 2Q56 คาดทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 164 ล้านบาท และประเมิน 6 เดือนข้างหน้ายังมีปัจจัยบวกจากการเพิ่มสัดส่วนการขายลูกถ้วย High Margin และค่าการกลั่นธุรกิจไบโอดีเซลปรับเพิ่ม รวมทั้งรายได้จากค่าเช่าคลังน้ำมันหนุนกำไรปี 56-57 ของบริษัทลูก(AIE)และเงินปันผลพิเศษและเงินปันผลจากการดำเนินงานปกติปี 56 คาดให้ผลตอบแทนสูง 13%
• MINT(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 30 บาท แนวโน้มกำไร 2Q13 ต่ำสุดช่วง low season ธุรกิจโรงแรม แต่ก็ยังเติบโตดีกว่าปีก่อนมาก จากรายได้ค่าห้องพักเฉลี่ย(RevPar)เพิ่ม 10% Y-Y สอดคล้องจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 21% Y-Y ช่วยชดเชยธุรกิจอาหารที่ชะลอตัวลงตามการบริโภคได้ คาดกำไรสุทธิ 2Q13 ที่ 441 ล้านบาท -69% Q-Q, +21% Y-Y เยังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้ที่โต 16% Y-Y
• ITD(ทรีนีตี้)ชนะการประมูลงานก่อสร้างรถไฟ และท่าเรือขนาดใหญ่ มูลค่า 2-3 แสนล้านบาทที่โมซัมบิกดันยอด Backlog เพิ่มเป็น 5 แสนล้านบาท นอกจากนี้โครงการทวายคาดว่าจะลงนามใน SPCs ทั้ง 7 ภายใน 2 สัปดาห์ โดยจะดึงภาคเอกชนของญี่ปุ่นมาร่วมด้วย เป็นปัจจัยบวกในระยะยาว แม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีแรงกดดันจากโครงการน้ำอาจล่าช้า แต่ยังมี Backlog สูงจากใน-นอกประเทศหนุนการเติบโต(Median Consensus 6.80 บาท)
• TRUE(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 10.10 บาทเก็งกำไรจากความคาดหวังเชิงบวกในการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานคาดเห็นภาพชัดเจนภายใน 3Q56 หลังจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่มารองรับ การออกกองทุนฯ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเชิงโครงสร้างทางการเงิน ทั้งนี้ผลขาดทุนลดลงใน 3Q56 และมีโอกาสคุ้มทุนใน 4Q56 จากจำนวนผู้ใช้บริการระบบ 3G TrueMove H เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
• PTTEP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 182 บาท คาดหุ้นกลุ่มพลังงานจะมี Momentum เชิงบวกในการผลักดัน SET INDEX วันนี้ จากการไต่ระดับขึ้นของน้ำมันดิบ NYMEX ขึ้นสู่ US$108.00/barrel และมีโอกาสขึ้นทดสอบระดับ US$110.00/barrel ได้ในสัปดาห์หน้า จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่กำไรปกติ 2Q56 คาดว่าจะเติบโต yoy แต่ทรงตัว qoq ที่ราว 1.5 -1.6 หมื่นล้านบาท และทิศทางกำไรจะเติบโตสูง yoy ตั้งแต่ 3Q56 เป็นต้นไป ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิปี 2556 จะเติบโต +8.1% yoy เป็น 61,979 ล้านบาท และยังมี Valuation ที่ไม่สูงมากนัก