(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้ามีโอกาสเจอแรงขายทำกำไร จับตาการเมืองที่เริ่มร้อนขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 24, 2013 09:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะถูกขายทำกำไรระยะสั้นมี่อยู่มาก หลังจากที่เมื่อวานนี้ตลาดปรับตัวขึ้นมากเกินไป และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็แกว่งตัวในกรอบแคบ และล่าสุดทางตลาดญี่ปุ่นก็เริ่มที่จะอ่อนตัวลงมาแล้ว ขณะนี้เริ่มอ่อนลง 100 จุด

ทั้งนี้ ปัจจัยที่จะต้องติดตามต่อไปเป็นเรื่องของประเด็นทางการเมืองในประเทศที่มองว่าน่าจะมีความร้อนแรงมากขึ้น จากการที่จะมีการเปิดสภาในวันที่ 1 สิงหาคมที่จะถึงนี้

สำหรับการประกาศผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มพลังงานในงวดไตรมาส 2/56 ก็มองดูว่าไม่น่าส่งผลอะไรกับตลาดเท่าไร พร้อมให้แนวรับ 1,500 จุด แนวต้าน 1,520 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(23 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,567.74 จุด เพิ่มขึ้น 22.19 จุด(+0.14%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,692.39 จุด ลดลง 3.14 จุด(-0.19%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,579.27 จุด ลดลง 21.11 จุด(-0.59%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 58.87 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 8.19 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 2.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.20 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 0.08 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 2.10 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.92 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.08 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.60 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(23 ก.ค.)1,513.31 จุด เพิ่มขึ้น 31.47 จุด(+2.12%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 471.57 ล้านบาท เมื่อ 23 ก.ค.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(23 ก.ค.)ที่ 107.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.29 ดอลลาร์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(23 ก.ค.)ที่ 8.3 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.88/90 แข็งค่าขึ้น, คาดแกว่งแคบหลังยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน
  • ธปท.เตือนเศรษฐกิจครึ่งปีหลังตลาดเงินผันผวน กระทบเศรษฐกิจ จากปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น แนะเกาะติดข่าวสารใกล้ชิด "ประสาร" เปรียบเศรษฐกิจไทยเหมือนเครื่องบิน เผชิญ "ค่าเงินเศรษฐกิจโลก" แนะเตรียมเครื่องยนต์ให้พร้อมลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ด้านนักเศรษฐศาสตร์ชี้หากต้องการโตกว่า 4% ภาครัฐต้องลงทุนเพิ่ม
  • คลังเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งหลังของปีนี้ พร้อมส่งทีมที่ปรึกษาเข้าช่วยแก้ไขปัญหาหน่วยงานรัฐที่เบิกจ่ายล่าช้า คาดมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ราว 2.5-2.7 แสนล้านบาท ด้านสศค.เชื่อจีดีพียังขยายตัวกรอบ 4-4.5%
  • นายกฯจีนลั่นเศรษฐกิจจีนปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 7% เป็นเป้าหมายหลัก หนุนหุ้นค่าเงินเอเชีย ด้านญี่ปุ่นปรับมุมมองเศรษฐกิจ หลังปรับตัวดีขึ้น จากนโยบายการกระตุ้น "อาเบะโนมิกส์" ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคทั่วโลกขยับ คนในอาเซียนมองแง่ดีมากสุด
  • นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาเงินทุนจากต่างประเทศเริ่มไหลกลับเข้ามาในตลาดพันธบัตร หลังจากก่อนหน้านี้มีการไหลออกอย่างต่อเนื่อง
  • กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การสำรวจราคาสินค้าเกษตรในตลาดสดกรุงเทพฯ พบราคาขายปลีกหมูเนื้อแดงปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ กก.ละ 135-140 บาท ขึ้นจากช่วงสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ กก.ละ 130-135 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นหลังจากที่ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มขยับราคาขึ้นมาอีก กก.ละ 2-3 บาท เป็น กก.ละ 67-69 บาท
  • นายอำนวย ทองสถิตย์ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับผู้ผลิตเอทานอลและบริษัทน้ำมันถึงสถานการณ์เอทานอล ว่า มีแนวโน้มที่จะตึงตัวในช่วงปลายปี เนื่องจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น เฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 2.6 ล้านลิตรต่อวัน แต่ได้เตรียมมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาไว้ 2 แนวทาง
  • ตลาดหลักทรัพย์ปรับแผนปีนี้ใหม่ หลังครึ่งปีแรกได้อานิสงส์เงินทุนไหลเข้า ดันแผนงานเกือบทุกส่วนทะลุเป้า แซงทุกตลาดในอาเซียน เผยเพิ่มเป้าวอลุ่มเทรด และมาร์เก็ตแคปหุ้นไอพีโอขึ้นกว่า 50% ส่วนจำนวนลงทุนรายใหม่ไม่ปรับ แม้ครึ่งปีแรกสูงถึง 6.9 หมื่นราย จากเป้าทั้งปี 7 หมื่นราย เหตุครึ่งปีหลังตลาดผันผวน
  • นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เผยปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวที่ระดับ 4.2% ถือว่าเติบโตสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ไทยมีข้อจำกัดในการที่จะเติบโตให้ได้เต็มศักยภาพด้วย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • JAS(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 10.50 บาท มีความน่าสนใจจากจุดแข็งของโครงสร้างธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ร่วมกันรวมทั้งบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพผ่านบริการโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้บริษัทเป็น “ผู้นำ" ในการปรับเพิ่มความเร็วให้บริการ และเพิ่มบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเทคโนโลยี FTTx เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2556-2558 จะมีอัตราการเติบโตต่อปี 15% CAGR ขณะเดียวกันผลบวกการประหยัดต้นทุนจากขนาดธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่อง
  • CK(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 34.50 บาท แม้ว่ากำไรสุทธิใน 2Q56 มีแนวโน้มอ่อนลงเมื่อเทียบ QoQ เนื่องจากใน 1Q56 มีการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุน และ Mark-to-Market การลงทุนใน TTW เข้ามา 6 พันล้านบาท แต่เมื่อเทียบ YoY แต่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 124 ล้านบาทใน 1Q55 ขณะที่ล่าสุดบริษัทยังคงตั้งเป้างานในมือในปี 2556 ไว้สูงถึง 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องได้ใน 1-2 ปีข้างหน้า ผลตอบแทนจากการลงทุนใน BECL, BMCL, TTW และ CKP จะเป็นอีกปัจจัยหนุนราคาหุ้น
  • KTB(ฟินันเซีย ไซรัส)ยังคงแนะ"ซื้อ"ลดเป้าลงเป็น 24.20 บาท หลังปรับกำไรสุทธิปีนี้ลง 5% จากการตั้งสำรองเพิ่ม ทั้งนี้ กำไรต่ำกว่าคาดจากการตั้งสำรองถึง 4.1 พันล้านบาทจากปกติ 1.5 พันล้านบาทต่อไตรมาส ตามแนวทางของธปท. แต่ข้อดีคือช่วยลดความกังวลเรื่องคุณภาพหนี้ไปได้ แต่ PPOP ทำได้ดีกว่าคาด
  • CPALL(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"รอบสั้น เป้า 48 บาท ประเมิน 2Q56 ของ CPALL จะมีกำไรปกติเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% yoy พร้อมกับการเปิดสาขาใหม่ 150 สาขา อัตราการเติบโตของยอดขายต่อสาขา (SSS) ที่ 7% บวกกับผลของฤดูกาลในช่วงหน้าร้อน ทำให้ยอดขายเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นเด่น นอกจากนี้ CPALL จะเริ่มรวมงบ MAKRO ใน 3Q56 หลังผู้ถือหุ้นลงมติอนุมัติการเข้าซื้อกิจการ MAKRO ในวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา คาดว่ายอดขาย และการควบคุมต้นทุนจะเริ่มเห็นภาพชัดใน 2H56
  • KCE(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 21 บาท คาดกำไรปกติใน 2Q56 เติบโต 34% qoq และ 702% yoy เป็น 206 ล้านบาท จากยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งตามทิศทางอุตฯ ยานยนต์ บวกกับการควบคุมของเสียที่เข้มงวด ส่งผลให้อัตราส่วนกำไรขั้นต้นของ KCE ขยับขึ้นเป็น 24.5% ในไตรมาสนี้ จาก 22.2% ใน 1Q56 และยังเชื่อว่าผลการดำเนินงานใน 3Q56 จะทำระดับสูงสุดของปีนี้ จากคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างหนาแน่น ทั้งจากผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปที่เป็นฐานลูกค้าหลักของ KCE และญี่ปุ่นที่เพิ่มสัดส่วนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ เป็นบวกต่ออัตราส่วนกำไรขั้นต้นให้มีแนวโน้มขยับขึ้นจาก 2Q56
  • QH(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 6.40 บาท ยอดขายช่วง 5M56 น่าประทับใจ มีมูลค่าขาย 1 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 50% ของยอดขาย Presales ทั้งปีนี้ที่ตั้งไว้ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งยอดขายในช่วง 5M56 เติบโตสูง 20%YoY สำหรับการรับรู้รายได้ในปีนี้คาดว่าจะแข็งแกร่งมากและเติบโตก้าวกระโดดราว 45-50% จากที่มียอดขายรอโอน(Backlog)ในปัจจุบัน 1.3 หมื่นล้านบาท และยังมียอดขายใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มและทยอยโอนบางส่วนอีก ซึ่งบริษัทจะมีแผนเปิดขายโครงการใหม่อีก 12 แห่งในช่วงที่เหลือของปีนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ