STA คาดกำไรปีนี้ดีกว่าปี 55 ตามปริมาณขายเพิ่ม,ปี 57 ลงทุน 3.85 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 13, 2013 11:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.บุศรินทร์ ลีลาวรรณกุลศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิดีกว่าปี 55 ที่มีกำไรสุทธิ 1.38 พันล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกสามารถทำกำไรแล้ว 1.1 พันล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนที่ระดับ 1.4% ขณะที่คาดว่าปริมาณขายจะสูงขึ้นเป็น 1.15 ล้านตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 9.8 แสนตัน ซึ่งครึ่งปีแรกขายไปแล้ว 5.3 แสนตัน และคาดว่าครึ่งปีหลังปริมาณขายจะสูงขึ้น เพราะในไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับค่าเงินบาทอ่อนตัวกว่าครึ่งปีแรกน่าจะทำให้รายได้สูงขึ้นด้วย

สำหรับทิศทางราคายางในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมองว่าเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังผ่านจุดต่ำสุดที่ 67 บาท/กก. เมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกดีขึ้น แต่ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการ QE ของสหรัฐ จึงทำให้ราคายางแกว่งตัว sideway โดยปัจจุบันราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 80 บาท/กก.ส่วนยางแท่งราคา 78 บาท/กก. และคาดว่าราคาในตลาดโลกช่วงครึ่งปีหลังจะแกว่งตัวในช่วง 2,500-2,800 เหรียญ/ตัน หรือประมาณ 80-89 บาท/กก.

"ปีนี้ถึงแม้ราคายาง trend จะลง แต่ในไตรมาส 1 ไตรมาส 2 เราทำกำไรได้ดี สองไตรมาสเราทำกำไรได้เกือบของทั้งปีที่แล้ว เพราะเรารักษา Net Profit Margin ได้ที่ 1.4% ในงวด 6 เดือนแรก และไตรมาส 1 และไตรมาส 4 คงจะเร่งซื้อ ปีนี้คาดว่ากำไรสุทธิดีกว่าปีก่อน" น.ส.บุศรินทร์ กล่าว

อนึ่ง STA มีสัดส่วนรายได้จากการส่งออก 85% และปัจจุบันทยอยลดสัดส่วนการทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนตัวลง

น.ส.บุศรินทร์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดยางโลกในปี 57 จะมีสภาพปริมาณผลผลิตเกินกว่าความต้องการ(โอเวอร์ซัพพลาย)ลดลง เนื่องจากความต้องการคาดว่าจะเติบโตราว 3-4% จากปีนี้ หรือมีปริมาณความต้องการประมาณ 11.9 ล้านตัน ขณะที่ปีนี้มีปริมาณผลผลิตยาง 11.7 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการ 11.4 ล้านตัน คิดเป็นปริมาณผลผลิตส่วนเกินประมาณ 2.8 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อนที่เกินมา 3.2 แสนตัน ซึ่งเป็นผลจากจีนที่เป็นผู้บริโภครายใหญ่เริ่มกลับมาสต็อกอีกทั้ง โดยจีนนำเข้ายางปีละประมาณ 3.4 ล้านตัน อีกทั้ง ตลาดทดแทนล้อยางเก่ายังคงเติบโต โดยใช้ในสัดส่วน 70% ที่เหลือใช้ในล้อยางรถยนต์ใหม่

น.ส.บุศรินทร์ กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในปี 57 จำนวนเงิน 3.85 พันล้านบาทใช้ในการขยายกำลังการผลิตและเพิ่มพื้นที่ปลูก จากปี 56 ใช้เงินลงทุน 3.8 พันล้านบาท โดยในปีหน้าบริษัทจะขยายกำลังการผลิตยางแท่งต่อเนื่องใน 6 โรงงานใหม่ แต่ละแห่งมีกำลังการผลิต 6 หมื่นตัน รวมแล้วจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 3.6 แสนตัน ทำให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทเพิ่มเป็นกว่า 1.5 ล้านตัน จากปัจจุบัน 1.2 ล้านตัน ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้งบลงทุน 2.6 พันล้านบาท โดยพื้นที่โรงงานใหม่ ได้แก่ พิษณุโลก สระแก้ว จันทบุรี กาฬสินธิ์ ศรีสะเกษ และชุมพร จากปีก่อนที่เพิ่มกำลังการผลิต 1.2 แสนตัน โดยลงทุนโรงงานยางแท่งที่อินโดนีเซีย และ จ.อุบลราชธานี มีกำลังการผลิตแห่งละ 6 หมื่นตัน/ปี

ดังนั้น บริษัทจึงตั้งเป้าหมายว่าในปี 57 ส่วนแบ่งการตลาดในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 12% ของตลาดทั้งหมดที่คาดมีปริมาณ 11.9 ล้านตัน จากปีนี้อยู่ที่ 9% ของจำนวนรวม 11.4 ล้านตัน

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเพิ่มพื้นที่ปลูกยางพาราเป็น 5 หมื่นไร่ในช่วงปลายปี 57 จากปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกยาง 3.1 หมื่นไร่ คาดใช้เงินลงทุน 1.1 พันล้านบาท เพื่อสร้างอำนาจต่อรองด้านราคากับซัพพลายเออร์ เพราะปัจจุบันวัตถุดิบยางคิดเป็นต้นุทน 97% ดังนั้น หากต่อรองได้จะช่วยลดต้นทุนของบริษัทลงไปได้มาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ