โดยในเดือนธ.ค. 56 มี Cabin factor 70.4% ต่ำกว่าคาดที่ 78.4% ส่งผลรายได้ลดลง 4%
นายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการ THAI เปิดเผยผลประชุมคณะกรรมการบริษัทว่า คณะกรรมการบริษัทฯ รับทราบผลการดำเนินงานด้านการขนส่งประจำเดือนธ.ค. 56 ซึ่งมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (Available Seat - Kilometer : ASK) เพิ่มขึ้น 6.8% แต่มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) รวมทั้งระบบเฉลี่ยเท่ากับ 70.4% ต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนที่เฉลี่ยเท่ากับ 78.3% ทำให้มีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (Revenue Passenger – Kilometer : RPK) ต่ำกว่าปีก่อน 4.0% โดยในเดือนธันวาคม 2556 มีจำนวนผู้โดยสาร 1.78 ล้านคน ลดลงจาก 1.92 ล้านคนในเดือนเดียวกันของปีก่อน หรือลดลง 7.3% ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรง และสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ
นอกจากนี้ ผลกระทบจากการที่ประเทศจีนออกกฎหมายการท่องเที่ยวฉบับใหม่ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาทัวร์ต่างประเทศ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มีอัตราเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องลดลงด้วย สำหรับการบินไทยสมายล์มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 70.2% ต่ำกว่าปีก่อนที่เฉลี่ยเท่ากับ 85.7% เป็นผลจากการขยายเส้นทางบินเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับผลการดำเนินงานเดือนม.ค.– ธ.ค. 56 บริษัทฯ มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 74.1% ต่ำกว่าปีก่อนที่เฉลี่ย 76.6% โดยมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (Available Seat - Kilometer : ASK) สูงกว่าปีก่อน 8.1%
ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ รับมอบเครื่องบินใหม่ จำนวน 17 ลำ และปลดระวางเครื่องบินรวม จำนวน 13 ลำ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต แต่ผลจากการแข่งขันอย่างรุนแรง ทำให้ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (Revenue Passenger – Kilometer: RPK) เติบโตในอัตราที่ต่ำกว่าปริมาณการผลิตโดยปริมาณการขนส่งผู้โดยสารสูงกว่าปีก่อน 4.6%
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณในการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปีให้แก่พนักงาน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและตอบแทนการตั้งใจทำงานหนักของพนักงานตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ซึ่งการปรับขึ้นเงินเดือนเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนปกติทุกสิ้นปี
"ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการเพิ่มปริมาณการผลิตมากขึ้นตามแผนธุรกิจของบริษัทฯ และพนักงานทุกคนต่างร่วมกันปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ แม้ว่าผลประกอบการในปีที่ผ่านมาจะไม่ดี เนื่องจากยังอยู่ในภาวะการแข่งขันที่รุนแรง และต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจและการเมือง แต่ภาระงานที่พนักงานทุกคนทุ่มเทกำลังกายกำลังใจจนทำให้งานบรรลุตามเป้าหมาย อีกทั้งพนักงานชั้นผู้น้อยต้องเผชิญกับค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่สูงขึ้น คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณในการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปีให้แก่พนักงาน ตามที่ฝ่ายบริหารเสนอมา" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
นายโชคชัย ปัญญายงค์ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI คาดว่า อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ในไตรมาสแรก ปี 57จะอยู่ที่ 70% จากคาดการณ์ตั้งไว้ที่ 76-78% แม้ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูการท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ก็ตาม เนื่องจากธุรกิจได้รับผลกระทบสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศจากการชุมนุมทางการเมือง และการออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งผลกระทบจากจีนที่ออกกฎหมายฉบับใหม่ที่ส่งผลกระทบราคาทัวร์ต่างประเทศทำให้นักท่องเที่ยวจากจีนลดลงต่อเนื่องจากไตรมาส 4/56
อย่างไรก็ตามคงเป้าหมาย Cabin Factor ทั้งปี 57 อยู่ที่ 76% และคาดว่าจำนวนผู้โดยสารปี 57 เติบโต 4% หรือ 8 -9 แสนคน จากปี 56 ที่มีจำนวนผู้โดยสารรวม 20 ล้านคนซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 8 แสนคน โดยปีนี้จำนวนที่นั่ง จะไม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เพิ่มขึ้นมา 8-9%
ดังนั้นบริษัทจึงจะทบทวนแผนยุทธศาตร์ ปี 57 โดยคณะกรรมการบริษัทวันนี้มีมติเห็นชอบให้จัดการสัมนาร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริษัทและฝ่ายบริหาร ประมาณเดือน ก.พ.นี้ เพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์ประจำปี 2557 เพื่อปรับปรุงดำเนินการของบริษัทรองรับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นอย่างมากในภูมิภาคนี้ และเพื่อปรับปรุงโครงสร้างของบริษัท ตลอดจนเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนภายใต้ที่ไม่เอื้ออำนวย
"เราจะปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ...ดูว่าเส้นทางไหนเหมาะให้ใช้การบินไทยสมายล์หรือการบินไทย ปรับตัวเพื่อลดค่าใช้จ่าย และชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนสถานการณ์ตลาด" นายโชคชัย กล่าว
นายโชคชัย กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน บริษัทฯ ได้ออกโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการเดินทาง รวมทั้งเตรียมออกแคมเปญปรับลดราคาตั๋วโดยสารราว 50% สำหรับไฟลท์จุดเชื่อมต่อ (point to point)โดยจะมีผลไปถึง 15 ก.พ.57 เพื่อดึง Cabin Factor ขึ้นมาที่ระดับ 80% หรือเพิ่มขึ้นอีก 10% ได้แก่ จุดเชื่อมต่อ เมืองในออสเตรเลีย อินเดีย แถบอินโดไชน่า จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้
นอกจากนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานและมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณในการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปีให้แก่พนักงานตามที่ฝ่ายบริหารเสนอ ทั้งนี้มีผลตั้งแต่ ม.ค. 57
"บอร์ดให้กรอบหลักการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานที่มีรายได้น้อยเป็นอันดับแรกก่อน ...เฉลี่ยแล้วปรับขึ้นประมาณ 3%" นายโชคชัยกล่าว