บลจ.ซีไอเอ็มบี โชว์ผลงานกองซีแพมโกลบอลสร้างผลตอบแทน 4.72%ในเดือนครึ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 2, 2014 11:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า กองทุนเปิดซีแพม โกลบอล สมอล แค็พ อิควิตี้ สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น โดยมูลค่า NAV เพิ่มขึ้นจากตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 57 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10.4725 บาทต่อหน่วย ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2557 หรือนับเป็นผลตอบแทนถึง 4.72% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบ MSCI All Country World Small Cap ที่อยู่ที่ 4.46%

กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนหุ้นขนาดเล็กที่มีศักยภาพและอัตราการเติบโตสูงทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดที่พัฒนาแล้ว อาทิ ตลาดหุ้นนิวยอร์กในสหรัฐอเมริกาและตลาดหุ้นในยูโรโซน ซึ่งต่างได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ผลตอบแทนเบื้องต้นนี้จัดว่าอยู่ในอัตราที่น่าพอใจและเป็นเครื่องยืนยันว่ากองทุนเปิดซีแพม โกลบอลฯเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้นในประเทศไทยไปสู่ตลาดหุ้นในต่างประเทศ ซึ่งมีโอกาสแสวงหาผลตอบแทนในอัตราสูงในสภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และยังมีศักยภาพที่จะพัฒนาต่อเนื่องไปอีกยาวนาน โดยเฉพาะเศรษฐกิจในภูมิภาคหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรปและเอเชียเหนือ คือประเทศจีนและญี่ปุ่น

กองทุนนี้มีนโยบายนำไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก Principal Global Investors Funds - Global Small Cap Equity Fund ซึ่งลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็กทั่วโลก โดยเน้นตราสารทุนและหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยหุ้นเหล่านี้ได้ผ่านการคัดเลือกอย่างดีจากนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การบริหารโดยกลุ่ม Principal Global Investors ที่บริหารกองทุนมายาวนาน โดยกองทุนที่อยู่ในกลุ่ม Small-Cap Strategy ได้รับการจัดอันดับ 4 ดาวโดย Morning Star และมีสินทรัพย์ที่บริหารรวมกันกว่า 72,000 ล้านบาท

กลยุทธ์การลงทุนของกองทุนหลัก Principal Global Investors Funds - Global Small Cap Equity Fund ยังคงเน้นการลงทุนที่สอดคล้องกับ Theme การลงทุนในปี 2014 ซึ่งเน้นการลงทุนไปที่กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (Developed Markets) ทั้งสหรัฐ ภูมิภาคยุโรปและกลุ่มประเทศเอเชียเหนือ รวมถึงลักษณะเด่นของพอร์ตการลงทุนคือมีการกระจายการลงทุนในหุ้นประมาณ 130-150 หลักทรัพย์ ทำให้กองทุนมีความเสี่ยงไม่มากนักจากการกระจายการลงทุน ในขณะที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี โดยในปี 2013 กองทุนสร้างผลตอบแทนสูงถึง 36.27% ซึ่งสูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบ MSCI All Country World Small Cap ที่สร้างผลตอบแทน 28.66% ทั้งนี้ ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี 2014 – 31 พฤษภาคม 2557 อยู่ที่ 22.93% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 17.95%

นอกเหนือจากผลตอบแทนที่น่าพอใจแล้ว กองทุนนี้ยังมีลักษณะโดดเด่นคือ มีนโยบายทยอยจ่ายคืนผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุน ผ่านการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redemption) ประมาณปีละ 4 ครั้ง โดยกำหนดรับซื้อคืนทุกสิ้นไตรมาส ซึ่งกองทุนจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ครั้งที่ 1 และกำหนดปิดสมุดทะเบียน (XD Date) วันที่ 30 มิถุนายน 2557 ในอัตรา 0.16 บาทต่อหน่วย ซึ่งถือว่ากองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สามารถทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติจากระยะเวลาการดำเนินงานเพียง 48 วันนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ