อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเห็นกำไรในไตรมาส 2-ไตรมาส 3/58 หลังเดินหน้าแผนฟื้นฟูฯ
"ยอมรับว่ายากที่จะทำกำไรในปีนี้ เพราะสถานการณ์ไม่เอื้อ แต่ถ้าทำได้ตามแผนไตรมาส 3-4 ติดลบน้อยลง...หวังว่าไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 ปี 58 เราน่าจะพ้นวิกฤต" ประธานกรรมการ THAI กล่าว
ทั้งนี้ การบินไทยจะมีแผนฟื้นฟู มี 2 ระยะ ได้แก่ระยะฟื้นฟูวิกฤต ตั้งแต่จากนี้ไปจนถึงปี 58 และระยะที่ 2 จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ไตรมาส 3/58 เป็นต้นไป
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ขณะนี้มีความมั่นใจแผนฟื้นฟูเพียง 60% เนื่องจากยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งได้ให้ไปปรับปรุงและกลับมานำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 24 ก.ค.นี้
ส่วนแผนระยะที่ 2 จะมีการปรับโครงสร้างการจัดอัตรากำลังใหม่ และชะลอการตัดอัตรากำลังบรรจุใหม่
ส่วนการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี)และประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) คาดว่าใน 3 เดือนน่าจะสรรหาได้ รวมทั้งการสรรหากรรมการใหม่ โดยคณะกรรมการสรรหามาจากคณะกรรมการของบริษัท
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการฯรวันนี้ รับทราบผลการดำเนินงานด้านการขนส่งประจำเดือนมิถุนายน 2557 (ไม่รวมเส้นทางบินในประเทศที่บริษัท ไทยสมายล์-แอร์เวย์ส จำกัด ทำการบินภายใต้รหัสการบินใหม่ “WE") บริษัทฯ มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (Available Seat - Kilometer: ASK) รวมทั้งระบบ ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 9.9 ส่วนปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (Revenue Passenger – Kilometer: RPK) ต่ำกว่าปีก่อนร้อยละ 22.9 ส่งผลให้อัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (Cabin Factor) รวมทั้งระบบ เฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 59.2 ต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนที่เฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 69.2
"สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ ถึงแม้เหตุการณ์ทางการเมืองจะคลี่คลาย และประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2557 ก็ตาม เนื่องจากหลายประเทศยังเตือนให้พลเมืองระมัดระวังการเดินทางมายังประเทศไทย ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยยังคงลดลงต่อเนื่องโดยลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 24.37"
อย่างไรก็ตาม หากรวมเส้นทางบินในประเทศที่ทำการบินภายใต้รหัสการบินใหม่ “ WE" แล้ว ทำให้บริษัทฯ ปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (Available Seat - Kilometer : ASK) รวมทั้งระบบ ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 8.2 ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (Revenue Passenger – Kilometer : RPK) ต่ำกว่าปีก่อนร้อยละ 21.4 ส่งผลให้อัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (Cabin Factor) รวมทั้งระบบ เฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 59.3 โดย Cabin Factor ในเส้นทางภูมิภาคลดลงจากร้อยละ 73.2 ในปีก่อนเป็นร้อยละ 60.2 เส้นทางระหว่างประเทศลดลงจากร้อยละ 66.3 เป็น 58.2 และเส้นทางบินในประเทศลดลงจากร้อยละ 64.7 เป็น 61.3
ด้านการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ มีปริมาณการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (Revenue Freight Ton-Kilometers: RFTK) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 1.9 ในขณะที่ปริมาณการผลิตด้านสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (Available Dead Load Ton-Kilometers: ADTK) ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 5.8 ทำให้บริษัทฯ มีอัตราการบรรทุกสินค้า (Freight Load Factor) โดยรวมทั้งใต้ท้องเครื่องบิน (Belly) และเครื่องบินขนส่งสินค้า (Freighter) เฉลี่ยเท่ากับ ร้อยละ 54.3 สูงกว่าปีก่อนที่เฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 50.3