ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับ 2.3-2.4% โดยประเมินว่า NPL จะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในช่วงกลางปีนี้
"เป้าสินเชื่อโดยรวมปีนี้น่าจะเติบโตไม่ถึง 10% จากครึ่งปีแรกติดลบไป 4% คาดว่าครึ่งปีหลังนี้จะช่วยพยุงขึ้นมาได้ จากการขายรถได้เพิ่มขึ้นและการเติบโตของสินเชื่ออื่นๆ ส่วน NPL มีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 2.3-2.4%"นางอรนุช กล่าว
นางอรนุช กล่าวว่า การดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ธนาคารทิสโก้จะยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ มุ่งเน้นในธุรกิจหลัก ได้แก่ การขยายสินเชื่อทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าสินเชื่อรายย่อยจะเติบโตได้ดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จากการฟื้นตัวของการบริโภค โดยเฉพาะยอดการขายรถยนต์ภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม สินเชื่อที่เกี่ยวกับรถยนต์จะยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่จะเน้นการทำตลาดสินเชื่อรายย่อยระดับล่าง รวมถึงธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่มีการออกผลิตภัณฑ์ประกันที่สอดคล้องกับความต้องการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ส่วนสินเชื่อธุรกิจ เชื่อว่าจะกลับมาขยายตัวได้ดี ซึ่งนอกจากจะมุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจที่มีความชำนาญอยู่แล้ว เช่น ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ และสาธารณูปโภคแล้ว ทางธนาคารก็จะมองหาอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น ด้านเงินฝากจะเน้นการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและรายย่อยให้มากขึ้นด้วย
ในครึ่งปีแรกธนาคารทิสโก้มีการขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 4 แห่ง ได้แก่ สาขาบางลำพู สาขาเมกาบางนา สาขาศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน และสาขาหาดใหญ่ ปัจจุบันมีสาขาธนาคารและสาขาสำนักอำนวยสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 142 สาขาทั่วประเทศ
นางอรนุช กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกจะอ่อนตัวลงทั้งด้านการบริโภค การลงทุน และการส่งออก รวมทั้งจากความไม่แน่นอนทางด้านการเมือง ส่งผลให้ยอดสินเชื่อหดตัวลง แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเกื้อหนุนให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังขยายตัวได้ราว 2% ขณะที่กลุ่มทิสโก้จะยังรักษาระดับการเติบโตของรายได้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 25,885.74 ล้านบาท และมองว่ากำไรน่าจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 56 ที่มีกำไร 4,249.05 ล้านบาท
"ในช่วงครึ่งปีแรกด้วยภาวะทางการเมือง ทำให้เกิดการชะลอตัวในทุกด้าน โดยเฉพาะภาคการใช้จ่ายภาครัฐที่มีการชะลอลง ขณะที่การส่งออกที่เราคาดหวังว่าจะดีขึ้นจากการฟื้นตัวสหรัฐฯ ยุโรป กลับไม่แสดงผลให้เห็นในช่วงครึ่งปีแรก แต่หลังจากที่การเข้ามาของ คสช.ทิศทางเศรษฐกิจเริ่มชัดเจนขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่จะเป็นการทยอยการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่าการส่งออกจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ และปีหน้าเชื่อว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่หลายสำนักคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ 4-4.5% ก็คาดว่าจะเป็นไปได้ ซึ่งปีนี้เราก็มองว่า GDP จะอยู่ที่ 1.5% และมองว่าครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ 2% อย่างไรก็ตามเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกแน่นอน แม้สินเชื่ออ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่จะรักษารัดับรายได้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อน และมั่นใจว่าภาพปีหน้าจะดีขึ้น"