KTB เผย H1/57 กันสำรองเพิ่มอีก 3 พันลบ.เสริมแกร่ง-เงินฝากลดลง 0.87%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 21, 2014 14:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยผลประกอบในไตรมาส 2/57 เปรียบเทียบกับไตรมาส 2/56 ธนาคารมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจหลักของธนาคาร โดยมี มีกำไรสุทธิ 7,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.75 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แสดงถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเท่ากับ 17,525 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.60 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการขยายสินเชื่อและอัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ และมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ 7,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.71 ทำให้ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนกันสำรองและภาษีเงินได้จำนวน 14,447 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.26 และมีกำไรสุทธิจำนวน 7,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.75

สำหรับงวดครึ่งปีแรกปี 57 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 15,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.69 จากระยะเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ธนาคารได้ปรับนโยบายการกันเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มจากเดือนละ 500 ล้านบาท เป็น 700 ล้านบาท และจากการเติบโตที่ดีของกำไรจากการดำเนินงาน

ธนาคารยังได้กันสำรองเพิ่มเป็นพิเศษอีก 3,000 ล้านบาท ทำให้ในงวดครึ่งปีแรกนี้ ธนาคารตั้งสำรองรวมจำนวน 7,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.87 ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มจากร้อยละ 109.47 ณ สิ้นปี 56 เป็นร้อยละ 113.06 เพื่อให้เหมาะสมกับจำนวนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และเป็นการสร้างความแข็งแกร่งของธนาคารที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อไป

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 57 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,810,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2556 จำนวน 98,963 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.78 และมียอดเงินฝากจำนวน 1,867,456 ล้านบาท ลดลง 16,325 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.87 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) จำนวน 62,043 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 5,585 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.89 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากลูกค้า SME ขนาดเล็กและลูกค้ารายย่อยบางส่วน ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลดตัวลง รวมทั้งหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น โดยธนาคารมีนโนบายในการดูแลอย่างใกล้ชิด

ธนาคารประสบความสำเร็จในฐานะธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของประเทศในการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิตามเกณฑ์ Basel III ต่อนักลงทุนต่างชาติจำนวน 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้เงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารเพิ่มขึ้น และหากรวมกับกำไรสุทธิของครึ่งปีแรก ทำให้อัตราส่วนเงินเงินกองทุนทั้งสิ้นของธนาคารอยู่ที่ร้อยละ 15.58 ซึ่งเป็นระดับที่ทำให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งและสามารถขยายธุรกิจได้ตามแผนงานที่กำหนด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ