นายกานต์ ฮุนตระกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC)คาดว่าจะสรุปวงเงินลงทุนในโครงการปิโตรคอมเพล็กซ์ในเวียดนามภายในสิ้นปีนี้หลังจากที่ทยอยให้ผู้รับเหมาเข้ามาประกวดราคาโครงการดังกล่าวรวมทุกส่วนงานแล้ว ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มว่าวงเงินลงทุนอาจจะสูงกว่าเดิมที่ประเมินไว้เบื้องต้น 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากราคาเครื่องจักรปรับสูงขึ้น เป็๋นผลจากสหรัฐได้มีการลงทุนโครงการ Shale Oil และ Shale Gas ทำให้มีความต้องการเครื่องจักรมากขึ้น
"แต่ก่อนเราเชื่อว่าต้นทุนโครงการนี้คงจะต่ำเพราะสถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่ค่อยดี จึงมีการลงทุนต่ำ แต่ตอนนี้เริ่มเห็นสัญญาณราคาเครื่องจักรไต่สูงขึ้น จึงรอช้าไม่ได้ คิดสรุปได้ในสิ้นปีนี้...เรา work มาตลอด สัญญาณมา 2 ไตรมาส แต่โครงการต่างๆ ที่จะขึ้นก็ต้องรอเรื่องสิ่งแวดล้อม ถ้าช้าไป 1-2 ปีราคาขึ้นแน่ ตอนนี้โครงการก็นาน 7 ปีกว่าแล้ว" นายกานต์ กล่าว
ส่วนการวางแผนใช้เงินกู้สถาบันการเงินในโครงการนี้(Project finance)อาจต้องเลื่อนไปสรุปในต้นปีหน้า เนื่องจากโครงการนี้มีขนาดใหญ่และต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก โดยหากได้ตัวเลขวงเงินลงทุนชัดเจนภายในปีนี้แล้ว ก็จะพิจารณาในขั้นตอนการจัดหาวงเงินลงทุน ซึ่งมาจากเงินกู้และเงินทุนว่าจะมีสัดส่วนอย่างไร ทั้งนี้ ธนาคารสุมิตโตโม เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ถือหุ้นในโครงการนี้ยังเหมือนเดิมที่จะร่วมทุนในบริษัท ลองเซิน ปิโตรเคมิคอลลส์ จำกัด (Longson Petrochemicals Co.,Ltd.) ทั้งนี้ ผู้ร่วมทุนในโครงการดังกล่าว ได้แก่ ปิโตรเคมีเวียดนาม การ์ต้าปิโตรเลียม อินเตอร์เนชั่นแนล และ SCC โดยโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเวียดนาม ตั้งอยู่ที่เมืองลองเซินทางใต้ของเมืองโฮจิมินห์ ใช้พื้นที่ กว่า 400 เฮกตาร์ คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จและเริ่มผลิตได้ในปี 59