บลจ.กสิกรไทย ออก 4 กองตราสารหนี้ ผลตอบแทนสูงสุด 3% ขาย 29 ก.ค.-4 ส.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 28, 2014 12:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 29 กรกฎาคม–4 สิงหาคม 2557 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี ยู (KEFF1YU) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% ต่อปี, กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เออี (KEFF6MAE) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.70% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อีเอ็น (KFI3MEN) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่าย กองทุนที่ 2.40% ต่อปี

นอกจากนี้เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีวี (KPPTF3MDV) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.00% ต่อปี

ด้านมุมมองเศรษฐกิจในปัจจุบัน หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติให้ศึกษาการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อระดมทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ โรงไฟฟ้า รวมถึงมาตรการด้านภาษี โดยได้ออกประกาศขยายระยะเวลาการเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ออกไปอีก 1 ปี เพื่อสนับสนุนการอุปโภคบริโภคของประชาชน ซึ่งคาดว่าการคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว น่าจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการบริโภคภายในประเทศให้มีความต่อเนื่อง

นอกจากนี้ คสช.ได้เห็นชอบร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ด้วยวงเงิน 2.575 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีปัจจุบัน 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณในปีหน้ามีความชัดเจนและส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ดีขึ้นต่อไป

ด้านสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวผันผวน ภายหลังจากความกังวลกรณีสถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลางและเหตุการณ์เครื่องบินตกในยูเครน นอกจากนี้ตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 13% จึงมีความเสี่ยงต่อการปรับฐานได้ในระยะสั้น นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยควรใช้ความระมัดระวังเรื่องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และสามารเลือกพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งกองทุนตราสารหนี้ ของ บลจ.กสิกรไทย ยังคงให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจและมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำในปัจจุบัน

สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุน KEFF1YU จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China ร่วมด้วยตราสารหนี้ Agricultural Bank of China ตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A. และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่ค้ำประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล

ด้านกองทุน KEFF6MAE จะลงทุนในเงินฝากของ China Construction Bank Corporation เงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี ร่วมด้วยตราสารหนี้ VakifBank,ประเทศตุรกี ตราสารหนี้ Agricultural Bank of China และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่ค้ำประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล

ทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว ขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อีเอ็น (KFI3MEN) ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท

นอกจากนี้ เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีวี (KPPTF3MDV) โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารภายในประเทศ ซึ่งจะให้โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ 2.00% ต่อปี ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ