(เพิ่มเติม) AEC คาดปีนี้พลิกกำไรเดินหน้าขยายฐานลูกค้าดันหวังมาร์เก็ตแชร์แตะ 2.5%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 29, 2014 14:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกอบเกียรติ บุญธีรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. เออีซี (AEC) กล่าวว่า ในปี 57 ตั้งเป้าผลประกอบการมีแนวโน้มจะมีกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุนราว 40 ล้านบาท หลังแผนการดำเนินธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในส่วนของธุรกิจโบรกเกอร์มีอัตราการเติบโตที่ดี ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)อยู่ที่ 2.1% จากปลายปีก่อนอยู่ที่ 0.5% อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปีนี้อยู่ที่ 2.5% เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"สิ้นปี 56 บริษัทมีขาดทุนสะสม 40 ล้านบาท ขณะที่เพิ่งเริ่มมีรายได้ตั้งแต่ 4 ต.ค.56 เป็นต้นมา โดยคาดผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไรได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/57 ทำให้ทั้งปีคาดเป็นกำไรสุทธิ แต่ครึ่งแรกยังคงขาดทุนอยู่ เพราะมีเรื่องการเปิดสาขาและเพิ่มบุคลากร"นายกอบเกียรติ กล่าว

ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของ AEC มาจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 70-80% รายได้ IB ราว 10% ที่เหลือ Prop Trade และ ตัวแทนจำหน่าย

นายกอบเกียรติ กล่าวว่า ในปีนี้ AEC มีแผนขยายสาขาเป็น 18 สาขา จากปัจจุบัน 9 สาขา โดยจะขยายไปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันออก เช่น ชลบุรี และระยอง ขณะที่พื้นที่ปริมณฑลก็สำคัญ คาดว่าในไตรมาส 3/57 นี้จะเปิดได้อีก 2-3 สาขา ส่วนของลูกค้าปัจจุบันมีบัญชีลูกค้า 4,500 บัญชี เป็นบัญชีที่เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ 50% ขณะที่สัดส่วนลูกค้าสถาบันยังน้อยไม่ถึง 5% แต่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นปลายไตรมาส 3 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้ามีสัดส่วนลูกค้าสถาบันเพิ่มเป็น 5-10% ภายในสิ้นปีนี้

ขณะเดียวกัน บริษัทจะมุ่งเน้นงาด้านวาณิชธนกิจ โดยเฉพาะการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการลงทุนทั้งตลาดในประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียนอีกด้วย โดยขณะนี้มีดีลงานที่ปรึกษาการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)ในมือ 3-4 ดีล มูลค่าระดมทุนรวมประมาณ 7-8 พันล้านบาท คาดว่าน่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นไทยได้ 1-2 บริษัทภายในไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้

"ดีลแรก เป็น บมจ.เจ.เอส.พี.พรอพเพอร์ตี้ ซึ่งคาดว่าจะเซ็นแต่งตั้งอันเดอร์ไรท์ได้ภายในไตรมาส 3/57 หรือราวเดือน ก.ย.นี้ และเข้าจดทะเบียนทันภายปีนี้ ดีลถัดไปเป็นธุรกิจเกี่ยวกับโซล่าฟาร์ม โรงพยาบาล และอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด ส่วนดีลที่เพิ่งจบไปเร็วๆ นี้เป็นธุรกิจเคมิคัล คาดว่าเข้าจดทะเบียนได้ทันในปีนี้ 2 บริษัท ที่เหลือเป็นปี 58"นายกอบเกียรติ กล่าว

นายกอบเกียรติ กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมยื่นขอทำธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล(Private Fund) ในไตรมาส 4/57 เพื่อกระจายฐานรายได้และรองรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีใบอนุญาตอยู่แล้ว เพียงแต่ขอให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาตรวจสอบความพร้อมเพื่อระบบให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานก่อน

ด้านเงินทุนบริษัทมีทุน 1,009 ล้านบาทถือว่ายังไม่มากพอและมีในส่วนที่ออกหุ้นกู้ไป 600 ล้านบาท และออกตั๋วบีอีอีก 500 ล้านบาท รวมส่วนที่เป็นเงินกู้ยืม 1,100 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตถ้าธุรกิจขยายตัวมากขึ้น ก็อาจต้องใช้เงินเพิ่ม โดยเฉพาะในส่วนของการปล่อยสินเชื่อมาร์จิ้นโลน(เงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์) ปัจจุบันอยู่ที่ 700-800 ล้านบาท บางช่วงสูงไปถึง 900 ล้านบาทขึ้นกับสภาพตลาด

อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตต้องเพิ่มเงินทุนเป็น 1,500 ล้านบาท ก็สามารถออกหุ้นกู้เพิ่มเติมได้ เพราะบริษัทได้ขออนุมัติวงเงินออกหุ้นกู้ไว้ 1,500 ล้านบาท แต่ออกไปเพียง 600 ล้านบาท แต่ก็ต้องการบริหารจัดการดีด้วย

"ขณะนี้ใช้เงินทุนบริษัทเองส่วนหนึ่ง เงินกู้ยืมส่วนหนึ่งถ้าจะปล่อยมาร์จิ้นโลนมากขึ้นก็ออกหุ้นกู้เป็นหลัก ขายเมื่อจำเป็น เน้นการบริหารจัดการ" นายกอบเกียรติ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากพอร์ตบริษัทหลักทรัพย์(Prop Trade) วงเงิน 200 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ใช้ไปไม่ถึง 100 ล้านบาท

นายกอบเกียรติ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ฝ่ายวิเคราะห์บล.เออีซี ได้ประเมิน SET INDEX มีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,760 จุด ซึ่งเป้าหมายดัชนีเทียบเท่าระดับ Forward PER และ PBV ที่ 17 เท่า และ 2.5 เท่าตามลำดับ เนื่องจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 57 จะขยายตัว 2.9% และในปี 58 กลับมาขยายตัวที่ 3.5-4% ซึ่งเป็นระดับการเติบโตระยะกลางของเศรษฐกิจไทย


แท็ก (AEC)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ