สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 94,747 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 73,102 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 77.2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 14,590 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 15.4% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,395 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB236A(รุ่นอายุ 2.9 ปี, 4.9 ปี และ 8.9 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,732 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน)(CPF328A) มูลค่า 412.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)(SCB222A) มูลค่า 410.1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)(BECL163A) มูลค่า 281.6 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,103.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46.1% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 15,366 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,619 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,148 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.02% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.08% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารอายุ 3 ปี ประมาณ 2 bps. นักลงทุนยังคงจับตาผลการประชุม FOMC ที่จะประกาศออกมาคืนวันพรุ่งนี้ โดยตลาดคาดว่า Fed จะตัดลด QE อย่างต่อเนื่อง อีก $10bn./เดือน จนกระทั่งสิ้นสุด ราวเดือน ต.ค. และติดตามการส่งสัญญาณเกี่ยวกับดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อาจจะปรับขึ้นในช่วงต้นปี 2558 สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้ มียอดซื้อสุทธิ(NET BUY) เท่ากับ 6,148 ล้านบาท