หุ้น INTUCH อยู่ที่ 69.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท(+1.47%)มูลค่าซื้อขาย 149.01 ล้านบาท
หุ้น THCOM อยู่ที่ 35.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท(+2.16%)มูลค่าซื้อขาย 32.50 ล้านบาท
ขณะที่ดัชนี SET อยู่ที่ 1,515.41 จุด ลดลง 3.38 จุด (-0.22%)เมื่อเวลา 10.10 น.
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ฯมองยังคงคำแนะนำ"ซื้อ"หุ้นกลุ่ม INTUCH เนื่องจากมองว่าหากการประมูล 4G ล่าช้าไม่เกิน 18 เดือนจะไม่กระทบต่อผลประกอบการอย่างมีนัย ขณะที่หุ้นในกลุ่มสื่อสารหลายตัวให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีกว่าตลาด โดยแนะนำ"ซื้อ"THCOM(มูลค่าพื้นฐาน 45 บาท) ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นข่าวดังกล่าว และ"ซื้อ" ADVANC (มูลค่าพื้นฐาน 272 บาท) และ INTUCH (มูลค่าพื้นฐาน 98บาท)โดยมองว่าราคาตอบสนองข่าวลบไปแล้ว หุ้นยังให้ผลตอบแทนจากปันผล 6-7 % จากราคาปัจจุบัน ทั้งนี้คาดปันผลงวด 1H57 สำหรับหุ้น ADVANC และ INTUCH ที่ 6.28 และ 2.30 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 3% และ 3.4% จากราคาปัจจุบัน ตามลำดับ
เมื่อวานนี้ (30 ก.ค 57) ทางกลุ่ม INTUCH ชี้แจงประเด็นข่าวต่างๆที่กระทบต่อราคาหุ้น และให้ข้อมูลว่าแนวโน้มธุรกิจยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1.ประเด็นข่าวเลื่อนประมูล 4G ไป 1 ปี ทำให้ตลาดกังวลว่า ในปีหน้าหลังคลื่น 900MHz หมดอายุแล้วทำให้ ADVANC เหลือคลื่นเพียง 15MHz จะไม่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ บริษัทชี้แจงว่าไม่จริง เนื่องจากหากนำระบบเทคโนโลยีมาช่วย ซึ่งลงทุนเพิ่มไม่มากยังสามารถรองรับลูกค้าได้เกิน 18 เดือน ซึ่งไม่นับรวมการใช้คลื่น 900MHz และ 1800MHz ที่มีโอกาสได้ต่ออายุชั่วคราวเช่นในอดีต
2.THCOM แจงประเด็นข่าวกรณีที่ GRAMMY จับมือเป็นพันธมิตรกับ CTH ในการที่แลกหุ้นกัน และจะมีการคืนช่องดาวเทียมให้ไทยคม รวมถึงกรณีที่ช่องเคเบิลราว 20 ช่องที่ไม่สามารถออกอากาศตามคำสั่ง คสช.ซึ่งเริ่มมีการคืนช่อง รวมถึงความกังวล ว่าการแข่งขันที่รุนแรงของทีวีดิจิตอลจะทำให้ 1 - 2 ปีข้างหน้าผู้ประกอบการหลายหลายจะไม่สามารถอยู่รอด และจะกระทบไทยคม ซึ่งบริษัทชี้แจงว่าประเด็นดังกล่าวไม่ได้ส่งผลลบอย่างมีนัย
ด้วยแนวโน้มลูกค้าผู้ประกอบการทั้งดาวเทียม อาทิ True Vision และ PSI ยังมีความต้องการเช่าช่องสัญญาณเพิ่มเพื่อออกอากาศในระบบ HD โดยปัจจุบันบริษัทไม่มีช่องสัญญาณเพียงพอจะให้บริการ ทั้งจากลูกค้าดาวเทียมและดิจิตอลทีวี สำหรับความคืบหน้าการยิงดาวเทียมไทยคม 7 มีแผนจะยิงขึ้นสู่วงโคจรใน 26 ส.ค นี้ ซึ่งปัจจุบันมียอดจองแล้ว 47% ราว 40% มาจากการโอนรับลูกค้ากลุ่มเทเลคอมจากไทยคม ปัจจุบันมีแผนยิงดาวเทียมไทยคม 8-9แล้ว
3.สำหรับประเด็นการเมือง การแก้ไขกฎระเบียบข้อบังครับหรือระบบสัมปทาน ในปัจจุบันยังไม่เกิดขึ้น จึงยังไม่สามารถประเมินได้ ส่วนประเด็นข่าวที่ TOT ฟ้องร้องค่าเสียหาย 9 หมื่นล้านบาท เป็นประเด็นข่าวเก่า ซึ่งบริษัทเคยชนะคดีในขั้นอนุญาโตตุลาการไปแล้ว
4.แผนระยะยาวบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจอื่น นอกเหนือจาก ADVANC เป็น 25% ภายใน 5 ปี (2557-2561) โดยปัจจุบันสัดส่วนกำไรหลักของบริษัทมาจาก ADVANC มากกว่า 95%
บล.กรุงศรี ระบุว่า ประเด็นข่าวจะกดดันราคาหุ้นในระยะสั้น จนกว่าทาง คสช.จะให้ความชัดเจนว่าการสั่งให้ กสทชเลื่อนประมูลจะมีกำหนดการถึงเมื่อไหร่ ซึ่งหากไม่เกิน 18 เดือนนับจากนี้ ทางกลุ่ม ADVANC ยังไม่ได้รับผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป