SLC ยันแผนเพิ่มทุนไม่ได้เอาเปรียบ ผถห.-เชื่อระดมทุนก้อนใหญ่ครั้งสุดท้าย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 15, 2014 15:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) (SLC) กล่าวกับ"อินโฟเควทส์"ถึงกรณีที่ผู้ถือหุ้นจะไปร้องเรียนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้เข้ามาตรวจสอบแผนการเพิ่มทุนของบริษัทว่า เป็นสิทธิของผู้ถือหุ้น แต่บริษัทยืนยันว่าไม่ได้เอาเปรียบผู้ถือหุ้น และจากการพูดคุยกับผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกก็ได้รับการตอบรับที่จะใส่เงินเพิ่มทุนให้กับบริษัท เพราะเห็นความจำเป็นต่อกิจการของสปริงนิวส์ ซึ่งจะเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายที่จะใช้ไปได้อีกนาน

SLC มีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 6,524.09 ล้านบาท เป็น 100,680.ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่ 94,156.56 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้น 25,511.29 ล้านหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 1 หุ้นสามัญเดิม:5 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอหุ้นละ 0.09 บาท และจัดสรรขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด(PP) 5.5 หมื่นล้านหุ้น รวมทั้งอีกส่วนหนึ่งจะใช้รองรับการเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพให้แก่บุคคลในวงจำกัดไม่เกิน 1.4 พันล้านหุ้น

นายอารักษ์ กล่าวว่า การเพิ่มทุนในสัดส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 5 หุ้นใหม่ รวมทั้งหมดผู้ถือหุ้นเดิมจ่ายเงินแค่ 0.45 บาทก็จะได้ 5 หุ้นใหม่ ต้นทุนของผู้ถือหุ้นเดิมจะลดลงเหลือราว 0.14-0.15 บาท/หุ้น ขณะที่ปัจจุบันมูลค่าทางบัญชี(BV)ของบริษัทอยู่ที่ 0.21-0.22 บาท ซึ่งได้มีการหารือกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่แล้ว โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกก็ได้รับไฟเขียวแล้ว โดยคาดว่าได้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ 2,000 ล้านบาทเข้ามาในช่วงปลายเดือน ต.ค.57

ส่วนกรณีที่นายสมบัติ พานิชชีวะ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งระบุว่ายังไม่แน่ใจว่าจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนหรือไม่นั้น นายอารักษ์ กล่าวว่า จากข้อมูลล่าสุดของรายงานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เช้าวันนี้ ก็พบว่าเมื่อวันที่ 8 ส.ค.นายสมบัติยังเข้ามาเก็บหุ้น SLC เพิ่ม 2.35% รวมถือเพิ่มเป็น 5.17% จึงเชื่อว่าจะยังไม่ทิ้งหุ้นออกไป

"จะเริ่มใส่เงินปลายเดือนต.ค.มั่นใจผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรก ใส่เงินเพิ่มทุนแน่นอน ที่ต้องเพิ่มทุนเพราะจำเป็นต้องทำเนื่องจากเราลงทุนไลเซ่นส์ไป 1,000 กว่าล้านบาท ในอนาคตยังเป็นอะไรที่มีอนาคตที่ชัดเจนจำเป็นต้องระดมทุนก้อนนี้และระดมทุนครั้งนี้แล้วคงจะไม่มีระดมทุนอีกแล้ว ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะระดมทุนครั้งนี้คงอยู่ได้ตลอดและคงจะไม่มีการขาดเงินไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว เชื่อมั่นตรงนี้ อยู่ได้สบายมีเงินคืนหนี้สิน ขยายกิจการ มีทรัพย์สิน มีที่ทางเป็นของตัวเอง ก็จะเป็นอะไรที่ชัดเจนขึ้น"นายอารักษ์ กล่าว

นายอารักษ์ กล่าวถึงราคาหุ้น SLC ที่ร่วงฟลอร์ติดต่อกันหลังจากประกาศแผนเพิ่มทุนว่า อาจเป็นเพราะเราไม่ได้อธิบายที่มาที่ไปให้ชัดเจนตั้งแต่แรก ผู้ถือหุ้นรายย่อยจึงเกิดความตื่นตระหนก แต่ขณะนี้น่าจะเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าราคาหุ้นเพิ่มทุนไม่ได้สูง และเหตุผลที่ออก RO ช่วงนี้สืบเนื่องจากที่จำเป็นต้องคืนเงินมัดจำให้กับ บมจ.ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่นส์ (TH) 250 ล้านบาททันที ผิดจากทแผนที่คาดว่าจะใช้เวลาอีกนาน จึงทำให้กระแสเงินสดมีปัญหาเล็กน้อย และบริษัทก็ได้คืนเงินไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังต้องระดมทุนก้อนใหม่อยู่ดี เพื่อจะคืนหนี้ที่เกิดจากการยืมหุ้นเอาไปวางค้ำประกันกับธนาคารกรุงเทพ(BBL)เพื่อเป็นหลักประกันของใบอนุญาตทีวีดิจิตอลมูลค่า 600 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของสปริงนิวส์ให้เป็นสำนักงานถาวร เพราะมั่นใจธุรกิจนี้จะก้าวไปได้ดีแน่นอน ซึ่งเห็นได้จากแนวโน้มของรายได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะซื้อที่ดินเองหรือเช่า เบื้องต้นวางงบลงทุน 600 ล้านบาท เชื่อว่าเงินที่ระดมทุนมาเพียงพอ

นายอารักษ์ กล่าวว่า ในแง่ผลประกอบการเดิมคาดสปริงนิวส์จะเริ่มมีกำไรไตรมาส 4/58 แต่ขณะนี้มีแนวโน้มว่าอาจจะมีกำไรได้เร็วขึ้น เพราะสามารถนำเงินไปคืนหุ้นทำให้ต้นทุนการยืมหุ้นหายไป จากปัจจุบันมีต้นทุนการยืมหุ้น 40 ล้านบาท จาก ก.พ.-มิ.ย.57

"เดิม plan ไว้ประมาณไตรมาส 4/58 น่าจะเห็นกำไรของสปริงนิวส์เป็นทางการ หมายถึงกำไรจากการดำเนินงาน แต่ถ้าดูจากแนวโน้มของเดือนก.ค.-ส.ค.อาจจะเร็วกว่านั้น อาจเป็นกำไรไตรมาส 3/58 ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงถ้าเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มอย่างนี้อยู่ ขณะที่ของ SLC เองบางไตรมาสมีกำไรแล้ว เพราะเคลียร์ปัญหาเก่าหมดแล้ว อย่างไตรมาส 1/57 กำไร 11 ล้านบาท แต่ไตรมาส 2 ขาดทุนเนื่องจากไปตั้งหนี้สูญของโครงการใหม่ที่เป็นโครงการที่เกี่ยวกับราชการและดำเนินการจ่ายหนี้ล่าช้ามากก็กำลังดำเนินการเรียกร้องอยู่ ซึ่งปกติราชการสามารถเรียกเก็บเงินได้เพียงแต่ช้าและติดขัดมาช่วงนี้อย่างโครงการสุวรรณภูมิก็ติดขัดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา"

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าไตรมาส 3/57 น่าจะมีผลขาดทุนลดลงแน่นอนหลายสิบล้านบาท แต่ทั้งปี 57 อาจจะยังขาดทุนสูทธิอยู่ และในปี 58 ก็จะเริ่มดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่ประมาณการ เพราะสปริงนิวส์ไม่มีฐานจากฟรีทีวีเหมือนสถานีอื่น โดยในปีนี้คาดว่ารายได้ของสปริงนิวส์จะอยู่ที่ราว 160-170 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ราว 90-100 ล้านบาท ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 40 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ