สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 70,113 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 59,069 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 84.2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 5,391 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 7.7% ทางด้านหุ้นกู้เอกชนมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,998 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.9% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB236A และ LB155A (รุ่นอายุ 4.8 ปี, 8.8 ปี และ 0.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 3,310 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน)(BGH233A) มูลค่า 314.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน)(THAI16DA) มูลค่า 203.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน)(CPN15OA) มูลค่า 190.4 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 708.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 19,294 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,262 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 464 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 1 bps. เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่ๆ นักลงทุนส่วนใหญ่ติดตามการประชุม ธ.กลางโลก ที่ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) เป็นเจ้าภาพในสัปดาห์นี้ โดยตลาดจับตาถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ว่าจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือการปรับนโยบายการเงินกลับสู่ภาวะปกติ(exit strategy) หลังสิ้นสุดการทำ QE ในเดือนต.ค.นี้อย่างไร สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้ มียอดซื้อสุทธิ(NET BUY) เท่ากับ 464 ล้านบาท