สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย( 20 ส.ค. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 49,873 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 33,487 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 67.1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 12,350 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 24.8% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,523 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB296A, LB196A และ LB176A (รุ่นอายุ 14.8 ปี, 4.8 ปี และ 2.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 9,910 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด(มหาชน)(TICON158A) มูลค่า 186.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน)(CPF328A) มูลค่า 156.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด(มหาชน) (HMPRO173A) มูลค่า 153.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 496.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -360 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,492 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,703 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.07% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.02%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารอายุ 5 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-2 bps. โดยพันธบัตรรัฐบาล รุ่น Benchmark อายุ 15 ปีที่ประมูลวันนี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุน 1.14 เท่าของวงเงินประมูล ด้านตลาดยังคงติดตามรายงานการประชุม Fed ที่จะประกาศออกมาคืนนี้ว่าจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างไร สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ(NET BUY) เท่ากับ 3,703 ล้านบาท