สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย (21 ส.ค. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 69,980 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 58,674 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 83.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 6,916 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.9% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,625 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB155A และ LB21DA (รุ่นอายุ 4.8 ปี, 0.8 ปี และ 7.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,096 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)(BAY22NA) มูลค่า 304.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน)(PTTGC218A) มูลค่า 243.9 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด(มหาชน)(BH16DA) มูลค่า 227.0 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 775.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 47.7% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,519 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,132 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -8,346 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.1% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.03%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารอายุ 5 ปีขึ้นไป ประมาณ 2-3 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury โดยพันธบัตร ธปท.ที่ประมูลวันนี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุน 2.62 เท่าของวงเงินประมูล ล่าสุดรายงานผลการประชุม Fed ส่งสัญญาณว่าอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หากสถานการณ์ในตลาดแรงงานฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและการคาดการณ์เงินเฟ้อสูงขึ้น สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายในพันธบัตรระยะสั้น ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 8,346 ล้านบาท