ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 309,048 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 1, 2014 17:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ ( 25 – 29 สิงหาคม2557) มีมูลค่ารวม 309,048 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 61,810 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 2% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 65% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 200,849 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย(State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย(ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง(Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 69,570 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน(Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 9,035 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB236A(อายุ 8.8 ปี) LB196A(อายุ 4.8 ปี) และ LB21DA(อายุ 7.3 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 22,040 ล้านบาท 17,544 ล้านบาท และ 6,071 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB14916A(อายุ 14 วัน) CB14909A(อายุ 14 วัน) และ CB14N27B(อายุ 91 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 25,046 ล้านบาท 18,153 ล้านบาท และ 16,686 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด(มหาชน) รุ่น CPALL198B(A+) มูลค่าการซื้อขาย 1,034 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด(มหาชน) รุ่น CPALL178B(A+) มูลค่าการซื้อขาย 625 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT155A(AAA) มูลค่าการซื้อขาย 519 ล้านบาท

ราคาของพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น หรือผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทน(Yield) ลดลง ประมาณ 0.03% - 0.06% ตามบรรยากาศการลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้น ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้รับการโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย ส่งผลให้เกิดมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์ความมั่นคงภายในประเทศและเศรษฐกิจที่กำลังจะฟื้นตัวในระยะถัดไป และมีส่วนทำให้เงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แล้ว การประมูลพันธบัตรรัฐบาล รุ่นอายุ 10 ปี ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ส่งผลให้ราคาของการประมูลพันธบัตรรุ่นดังกล่าวอยู่ในระดับที่สูง และมีส่วนทำให้ราคาของพันธบัตรรุ่นใกล้เคียงปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย อีกทั้ง ราคาของพันธบัตรสหรัฐฯ(US Treasury) ที่สูงขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น ภายหลังสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครนเริ่มกลับมาเป็นประเด็นที่น่ากังวลของตลาดอีกครั้ง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีส่วนทำให้ราคาของพันธบัตรไทยปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภท(ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) รวมกัน 6,352 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น(อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) 4,285 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 2,067 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อยมียอดซื้อสุทธิ 123 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ