ทั้งนี้ กองทุนจะเข้าไปลงทุนเงินฝากธนาคารในจีนและอินโดนีเซีย สัดส่วน 44.00% หุ้นกู้ระยะสั้น ของ ธ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) / บมจ.บัตรกรุงไทย สัดส่วน 20.00% หุ้นกู้ระยะสั้น ของ บจ.โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) / บจ. ไอซีบีซีลีสซิ่ง(ไทย) สัดส่วน 20.00% หุ้นกู้ระยะสั้น ของ ธ.ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) / ธ.ธนชาต จำกัด (มหาชน) 16.00% โดยประมาณค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 0.1250%
นาบบุญชัย ให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้นมาก ตามตัวเลขของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ที่ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นสูงสุดในรอบ 11 เดือน ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศและการส่งออกน่าจะมีทิศทางดีขึ้น
แต่การเร่งตัวของเศรษฐกิจอาจไม่รวดเร็วมากนัก เนื่องจากปัจจัยขับเคลื่อนยังไม่แข็งแรง คาดว่าในครึ่งปีหลัง GDP growth จะอยู่ที่ประมาณ 3% เทียบกับการหดตัวที่ 0.1% ในครึ่งแรกของปี และคาดว่าจะขยายตัวที่ประมาณ 5% ในปีหน้า ทำให้หุ้นไทยยังคงน่าสนใจ แต่หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามคาดก็จะทำให้ตลาดแกว่งตัวได้ ดังนั้น นักลงทุนควรกระจายการลงทุนไปทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงกระจายสินทรัพย์เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้