ตลท.เผย "ระยองไวร์ อินดัสตรีส์" เริ่มซื้อขายใน mai 18 ก.ย. นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 17, 2014 14:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ (RWI) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 18 กันยายน 2557 นี้

RWI เป็นบริษัทย่อยของ บมจ. แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค (CEN) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีนโยบายสนับสนุนให้บริษัทลูกดำเนินธุรกิจและเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยตัวเอง จึงนำ RWI เข้าจดทะเบียน (Spin off) เพื่อสร้างความเข็มแข็งทางด้านการเงิน เตรียมพร้อมสำหรับการขยายกำลังการผลิตตามอัตราการใช้ลวดเหล็กกล้าสำหรับคอนกรีตอัดแรงที่มากขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ

บริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากลวดเหล็กที่มีคุณภาพ มีผลิตภัณฑ์หลักคือ ลวดเหล็กกล้าสำหรับคอนกรีตอัดแรง และลวดเหล็กกล้าตีเกลียวสำหรับคอนกรีตอัดแรง จำหน่ายให้กับกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเสาเข็ม เสาไฟฟ้า แผ่นพื้นสำเร็จรูป คานสะพาน หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ

RWI มีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 450 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 150 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อผู้ถือหุ้น CEN 60 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 3-5 กันยายน 2557 และเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 90 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 10-12 กันยายน 2557 ในราคาหุ้นละ 1.60 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 240 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย

นายเชนินทร์ เชน กรรมการผู้จัดการ RWI เปิดเผยว่า RWI ได้ Spin-off จาก CEN เพื่อระดมทุนไปขยายและพัฒนาประสิทธิภาพกำลังการผลิต ให้สอดรับกับการแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้างและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศซึ่งมีอัตราการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น

RWI มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ CEN ถือหุ้น 75.00% ครอบครัวลีนะบรรจง ถือหุ้น 2.83% และนายจิรวุฒิ คุวานันท์ ถือหุ้น 1.02% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 8.58 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (31 มีนาคม 2556 – 31 มีนาคม 2557) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (Fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.19 บาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ