(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์หวังแรงซื้อกลับหลังผลประชุมเฟดมาตามคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 18, 2014 09:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง(BLS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวน์กลับขึ้นไปได้ แต่โดยรวมอาจจะยังเป็นลักษณะของการเทรดในกรอบ เนื่องจากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ออกมาไม่ได้ผิดจากที่ตลาดคาดไว้ โดยมีการลดการใช้ QE ต่อเนื่อง และมีการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน จึงทำให้มีโอกาสที่นักลงทุนที่ได้ขายออกไปก่อนหน้านี้จะมาซื้อกลับ

อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังระวังมากเกี่ยวกับการคงอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯว่าจะระยะยาวได้นานแค่ไหน แต่ในทาง Consensus ได้มองไปถึงกรกฎาคม ปีหน้า(2558)แต่ก็มีการจับตาการพยาการณ์ของเฟดที่ว่า อัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นมาในช่วงปลายปีหน้ามาอยู่ที่ 1.375% ดังนั้นในกลางปีหน้าเป็นต้นไปอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯก็อาจจะปรับขึ้น 1.50% จากปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 0.18%

ส่วนบ้านเราก็คงจะต้องติดตามการเดินหน้านโยบายของภาครัฐฯต่อไป ซึ่งตอนนี้ก็ดูที่การกำจัดขยะที่มีการผลักดันกัน เพราะบ้านเราบริษัทฯมี่มีมาตรฐานในการกำจัดขยะมีแค่ 10 กว่าเปอร์เซนต์เท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังมีการติดตามพวกพลังงานทดแทนต่างๆ ส่วนกลุ่มรับเหมาฯก็ต้องรอดูกว่าจะสามารถเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ในช่วงปลายปีนี้หรือไม่

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดย Flow ต่างชาติที่เข้าเอเชียยังน่าจะชะลอต่อเนื่อง พร้อมให้แนวรับ 1,565 จุด แนวต้าน 1,590 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(17 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,156.85 จุด เพิ่มขึ้น 24.88 จุด(+0.15%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,562.19 จุด เพิ่มขึ้น 9.43 จุด(+0.21%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,001.57 จุด เพิ่มขึ้น 2.59 จุด(+0.13%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 147.80 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.04 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 81.77 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 16.63 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.40 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.64 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.08 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(17 ก.ย.) 1,570.64 จุด เพิ่มขึ้น 5.23 จุด(+0.33%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,298.47 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ก.ย.57
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(17 ก.ย.)ที่ 94.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 46 เซนต์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(17 ก.ย.)ที่ 6.30 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดเช้านี้ที่ 32.33/35 อ่อนค่าตามภูมิภาค หลังเฟดคงดบ.หนุนดอลล์แข็ง
  • ก.ล.ต. ถกตลาดหลักทรัพย์ เตรียมรับกฎหมายใหม่ สั่งเข้มงวดสร้างราคาหุ้น จับตาเคลื่อนไหวผิดปกติ ให้โบรกฯส่งข้อมูลตรวจสอบทันที หวังสร้างความเป็นธรรมการซื้อขาย-เอาผิดได้รวดเร็ว รวมโทษปรับเป็น 3 เท่า เกาะติดหุ้นใน "เอ็มเอไอ" ผิดปกติมากสุด สะท้อน "พี/อี" เกินปัจจัยพื้นฐาน
  • ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การออกกฎหมายเก็บภาษีมรดกและภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะไม่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เดือดร้อน ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่ารัฐบาลจะทำอะไรที่เกินเลย
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ส.ค. อยู่ที่ 88.7 ลดลงจากเดือน ก.ค. ที่ดัชนีอยู่ที่ 89.7 ถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือนนับตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด
  • กนง. มติเอกฉันท์ 5 ต่อ 0 เสียง "คง" ดอกเบี้ย 2% ย้ำนโยบายการเงินผ่อนคลายยังจำเป็น เพื่อเอื้อการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่อยู่ในระยะเริ่มแรก มั่นใจนโยบายการเงินโลกที่แตกต่าง ไม่กระทบไทย ด้านนักเศรษฐศาสตร์ ชี้เป็นสัญญาณ เริ่มแรกของดอกเบี้ยขาขึ้น เชื่อกลางปีหน้าได้เห็น กนง. ขยับขึ้นดอกเบี้ย
  • สบน. เผยแผนระดมเงินผ่านตลาดตราสารหนี้ ปีงบ 58 วงเงิน 7 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้ปรับโครงสร้างหนี้เดิม 3.9 แสนล้านบาท และก่อหนี้ใหม่ในงบ 58 จำนวน 3.15 แสนล้านบาท รัฐบาลมีแผนใช้เงิน 9 หมื่นล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ผ่านการกู้สถาบันการเงินระยะสั้น 5 หมื่นล้านบาท ที่เหลือ 4 หมื่นล้านบาท นำมาจากงบประมาณประจำปี

*หุ้นเด่นวันนี้

  • RWI(บมจ. ระยองไวร์ อินดัสตรีส์)เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ mai โดย RWI เป็นบริษัทย่อยของ บมจ.แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค(CEN)เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) 90 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.60 บาท

RWI ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากลวดเหล็กที่มีคุณภาพ มีผลิตภัณฑ์หลักคือ ลวดเหล็กกล้าสำหรับคอนกรีตอัดแรง และลวดเหล็กกล้าตีเกลียวสำหรับคอนกรีตอัดแรงจำหน่ายให้กับกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเสาเข็ม เสาไฟฟ้า แผ่นพื้นสำเร็จรูป คานสะพานหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ

  • TMB(ฟินันเซีย ไซรัส)สินเชื่อ 8M14 +6.2%YTD ซึ่งเกินเป้าหมายทั้งปีแล้ว สังเกตุว่า TMB มีการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ (Sub-debt Tier 2) ในเดือนนี้ 1.5 หมื่นลบ. ซึ่งคาดว่าน่าจะส่งผลต้นทุนการเงินใน 3Q14 เพียงเล็กน้อย และ NIM น่าจะชดเชยได้จากการขยายตัวของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่า ในเบื้องต้นประเมินกำไรสุทธิ 3Q14 ที่ราว 2 พันลบ. -20%Q-Q (กำไรพิเศษลดลง แต่เฉพาะ PPOP คาด +6%Q-Q) และ +8.8%Y-Y) ราคาหุ้นแพงกว่าพื้นฐานปี 2015 ที่ 2.90 บาท ในแง่พื้นฐานจึงแนะนำขาย แต่หากนักลงทุนจะเก็งกำไรเรื่อง M&A ราคาไม่ควรเกิน 3.08-3.38 บาท
  • LPN(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"ราคาเหมาะสม 22.00 บาท คาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะกลับมาขยายตัวโดดเด่น +43.7% yoy เป็น 3,200 ล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่คาดว่ากำไรปี 2558 จะเติบโต +9.2% จากการรับรู้รายได้ Backlog รอโอนสูงถึง 16,090 ล้านบาท ในปี 2558 หรือคิดเป็น Secured revenue สูงถึง 85% จากประมาณการรายได้ปี 2558 ที่ 18,864 ล้านบาท หรือ +46.6% yoy และ Valuation ยังถูก
  • BJCHI(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 46 บาท คาดการรับรู้รายได้ตาม backlog จากงาน FPSO หนุนกำไรหลัก 2H14 เติบโต 64% HoH ซึ่งขณะนี้บริษัทมี backlog มีสูงถึง 98% ของรายได้ที่คาด และคาดอัตรากำไรขั้นต้นของปีถัดๆไปมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ จากโอกาสในการ bid งานตรงจาก Petrobras นอกจากนี้บริษัทยังมีโอกาสได้รับงานในเหมืองแร่ในออสเตรเลียหลังจากเข้าลงทุน 30% ใน Aus-Com เพื่อผ่าน local content ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ประเด็นกดดัน BJCHI ในด้านที่ข้อจำกัดที่จะได้รับงานที่มีมาร์จิ้นต่ำเนื่องจากต้องผ่าน EPC contractors ลดลง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ