ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 175 ล้านบาท จำนวน 175 ล้านหุ้น ที่ราคาพาร์ 1.00 บาท/หุ้น หลังแตกพาร์จะปรับเพิ่มเป็นทุนจดทะเบียน 350 ล้านหุ้น ที่ราคาพาร์ 0.50 บาท
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นและนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค.57 โดยมี บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน คาดว่าจะได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ให้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ราวต้นเดือน ต.ค.นี้
FIRE เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วาล์ว และอุปกรณ์ดับเพลิง วาล์วและอุปกรณ์ระบบสุขาภิบาลและปรับอากาศ รวมทั้งการให้บริการงานติดตั้งระบบดับเพลิง ซึ่งบริษัทฯ จำหน่ายสินค้าที่มีความหลากหลาย มากกว่า 3,000 รายการ ภายใต้ตราสินค้าที่มีชื่อเสียง มากกว่า 25 ตราสินค้า สัดส่วนรายได้แบ่งเป็นขายอุปกรณ์ดับเพลิง 70-75% ขายอุปกรณ์ระบบปรับอากาศ 10% งานโครงการ 15%
โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ก่อนเสนอขาย IPO ได้แก่ กลุ่มสุขชัย ถือหุ้น 38.15% หลังขาย IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 28-29% และกลุ่มครอบครัวชาญณรงค์ ก่อนขาย IPO ถือหุ้นรวมกัน 38% หลังขาย IPO จะลดเหลือ 28-29%
นายวิรัฐ กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ลงทุนขยายสาขาใน จ.ระยอง จากปัจจุบันมีสาขาเดียวใน กทม. พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนบุคลากร และอีกบางส่วนจะนำไปชำระหนี้ที่มีอยู่ราว 10 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียน
"ในช่วง 2 เดือนนี้ภาวะตลาดยังดีอยู่ ประกอบกับบริษัทมีผลประกอบการดี มีกำไรดีต่อเนื่องทุกปี ก็น่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน และในตลาดฯเราไม่มีคู่แข่งเรื่องธุรกิจดับเพลิง ขณะที่กฎหมายเรื่องการควบคุมความปลอดภัยในอาคารก็น่าจะมีมากขึ้น ทำให้กิจการเราก้าวหน้า นักลงทุนน่าจะสนใจ"นายวิรัฐ กล่าว
บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะสูงกว่าปี 56 ที่มีกำไร 61 ล้านบาท ภายใต้อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 11-12% ใกล้เคีนงปีก่อน โดยตั้งเป้ารายได้ในปีนี้เติบโต 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 520 ล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่ต่ำกว่าระดับปกติที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% เนื่องจากช่วงต้นปีนี้มีสถานการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อยอดขาย แต่หลังจากที่บริษัทเข้าจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai แล้วก็คาดว่ายอดขายจะกลับมาเติบโตได้ในอัตราปกติ ลูกค้าหลักเป็นอาคารสูง คอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงระบบโครงสร้างพื้นฐาน ทั้ง รถไฟฟ้า สนามบินสุวรรณภูมิ และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น
บริษัทเลือกเพิ่มสาขาใหม่ใน จ.ระยอง เนื่องจากมองว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก มีนิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มงานโครงการในรูปแบบการติดตั้งระบบดับเพลิงให้มากขึ้น เพื่อผลักดันรายได้ในอนาคต โดยตั้งเป้ารายได้แตะ 1,000 ล้านบาทภายใน 3-4 ปีข้างหน้า ส่วนตลาดต่างประเทศขณะนี้ได้ส่งสินค้าไปขายในกัมพูชาและพม่า บ้างแล้ว