EA ตั้ง 5 บริษัทย่อยจัดโครงสร้างธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์-ลม

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 19, 2014 10:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ 5 บริษัท ประกอบด้วย 1.บริษัท อีเอ รีนิวเอเบิล โฮลดิง จำกัด (ERH) เพื่อเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ในกลุ่มธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า

2. บริษัท อีเอ โซล่า พิษณุโลก จำกัด (ESP) เพื่อเป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก

และ 3.บริษัท อีเอ วินด์ หาดกังหัน 1 จำกัด (EWHK1) 4.บริษัท อีเอ วินด์ หาดกังหัน 2 จำกัด (EWHK2) และ 5.บริษัท อีเอ วินด์ หาดกังหัน 3 จำกัด (EWHK3) เพื่อเป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิตรวม 126 เมกะวัตต์ จำนวน 3 โครงการ โดยแบ่งออกเป็น EWHK1 เป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 36 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดสงขลา EWHK2 เป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช EWHK3 เป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช

"การจัดตั้งบริษัทย่อย 5 บริษัท เนื่องจากบริษัทเตรียมที่จะขอสินเชื่อในรูปแบบสินเชื่อโครงการ ดังนั้นเพื่อให้สามารถแบ่งแยกทรัพย์สิน–หนี้สินแต่ละโครงการได้อย่างชัดเจน"นายอมร กล่าว

แนวโน้มผลประการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ คาดว่ารายได้จากไบโอดีเซลน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับใช้ B7 ส่วนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนน่าจะส่งผลทำให้ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นลดลงบ้าง แต่โดยรวมไม่น่าจะแตกต่างจากครึ่งปีแรกมากนัก ซึ่งอาจจะทำให้รายได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย

สำหรับแผนการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังในส่วนของโรงไฟฟ้า บริษัทพยายามที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตไฟให้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ธุรกิจไบโอดีเซล บริษัทจะพยายามปรับปรุงระบบการผลิตให้มีต้นทุนที่ต่ำลง เพื่อผลักดันรายได้ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

"การดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ถือว่าบรรลุตามที่ได้วางแผน โดยเฉพาะในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ผลการดำเนินการในครึ่งปีแรกของบริษัทมีกำไรที่ปรับเพิ่มสูงกว่าปีก่อนหน้าอย่างชัดเจน"นายอมรกล่าว

ขณะที่ในช่วงไตรมาส 2/57 บริษัทมีรายได้รวมรายได้รวม 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 842 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 408.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 575% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 60.50 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้รายได้และกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า 90MW ที่นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นมาจากปีก่อนหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ