ทั้งนี้ การปรับราคา NGV เพิ่มขึ้นยังเป็นการสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงที่ปัจจุบันขายต่ำกว่าราคาต้นทุนที่ 15.50 บาท/กิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม ยังมีเงื่อนไขของการปรับขึ้นราคา NGV ที่ PTT ต้องเพิ่มจำนวนสถานีบริการอีก 100 แห่ง และยังต้องรับภาระที่ภาครัฐจะอุดหนุนราคา NGV ในกลุ่มรถแท๊กซี่และรถสาธารณะ คิดเป็นสัดส่วน 20% ของปริมาณการใช้ NGV ทำให้ PTT ยังแบกภาระต้นทุนที่ 2 บาท/กิโลกรัมในส่วนนี้ต่อไป ทำให้ PTT ยังมีโอกาสขาดทุนอยู่ เพราะปริมาณการขายอาจจะไม่เพิ่มขึ้น
ส่วนการปรับราคา LPG ในช่วงต้นจะยังไม่ส่งผลบวกต่อ PTT มากนัก
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ซื้อ 400.00
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 386.00
บล.กสิกรไทย ซื้อ 384.00
บล.เอเชียพลัส ซื้อ 368.00
บล.ทิสโก้ ถือ 345.00
นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า นโยบายของกระทรวงพลังงานที่จะให้ปรับขึ้นราคา NGV จากราคาขายปัจจุบันที่ 10.50 บาท/กิโลกรัม เป็นปัจจัยที่ส่งผลในเชิงบวกให้แก่ PTT โดยราคาที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1 บาท จะส่งผลบวกต่อกำไรราว 3.2 พันล้านบาท/ปี อย่างไรก็ตาม PTT ยังคงแบกรับภาระที่ต้องขาย NGV ให้กับกลุ่มรถแท็กซี่และรถสาธารณะราว 2 บาท/กิโลกรัม หรือคิดเป็นภาระขาดทุนราว 1.28 พันล้านบาท/ปี
ทั้งนี้ ประเมินว่าหากมีการปรับขึ้นราคา NGV ไตรมาสละ 1 บาทต่อกิโลกรัม จะเป็นผลบวกต่อกำไรสุทธิปี 58 ของ PTT ราว 8 พันล้านบาท ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.72 หมื่นล้านบาทในปี 59
“เรื่อง NGV จะเป็นปัจจัยบวกให้กับ ปตท.ที่จะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ปัจจุบันราคาต้นทุน NGV อยู่ที่ 15-16 บาท/กิโลกรัม แต่ราคาขายทั่วไปอยู่ที่ 10.50 บาท/กิโลกรัม ทำให้การปรับราคาเพิ่มขึ้นทุกๆ 1 บาทต่อกิโลกรัมจะมีผลต่อกำไรประมาณ 3,200 ล้านบาท แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับภาครัฐด้วยว่าจะเอาส่วนไหนไปชดเชยให้ ปตท.เพราะยังต้องแบกรับภาระขาดทุนกับการขายให้กับแท๊กซี่และรถสาธารณะ จริงๆภาครัฐเขาอยากให้ ปตท.เอาเงินไปเพิ่มจำนวนสถานี NGV แต่เพิ่มแล้วได้วอลลุ่มมาก ก็ยังขาดทุนอยู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ปตท.จะตัดสินใจทำหรือไม่"นักวิเคราะห์ กล่าว
ส่วนการปรับราคา LPG หน้าโรงแยกก๊าซให้สะท้อนต้นทุนการผลิตของ PTT ที่ประมาณ 550 เหรียญ/ตัน จากปัจจุบันถูกกำหนดเพดานราคาไว้ที่ 333 เหรียญ/ตัน จะช่วยลดภาระขาดทุนได้สูงสุดราว 1.26 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะได้รับการปรับราคา LPG สะท้อนต้นทุนในระยะสั้นยังมีจำกัด เนื่องจากโครงสร้างราคา LPG ซับซ้อนและเป็นที่จับตาของสังคมอย่างกว้างขวาง จึงยังมีความไม่แน่นอในการที่จะสามารนำประเด็นดังกล่าวมาเป็นปัจจัยบวกให้กับ PTT ได้
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า การปรับขึ้นราคา NGV หากปรับ 1 บาท/กิโลกรัมจากราคาขายปัจจุบันที่ 10.50 บาท/กิโลกรัม มาที่ 11.50 บาท/กิโลกรัม จะเป็นปัจจัยบวกให้ PTT มีรายได้เพิ่มขึ้นราว 2.3 พันล้านบาท/ปี และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นราว 1.9 พันล้านบาท/ปี
อย่างไรก็ตาม การปรับราคา NGV ยังมีเงื่อนไขที่ทาง PTT จะต้องเพิ่มจำนวนสถานีให้บริการ NGV จำนวน 100 สถานี คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนราว 55 ล้านบาท/สถานี ประกอบกับ ภาครัฐอาจจะยังต้องอุดหนุนราคาให้กับกลุ่มแท๊กซี่และรถสาธารณะ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 20% ของปริมาณการใช้ NGV ทำให้ PTT ยังต้องแบกภาระต้นทุนที่ 2 บาท/กิโลกรัมในส่วนนี้ และทำให้ PTT ยังขาดทุนอยู่ เพราะปริมาณการขาย NGV อาจไม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2.9 ล้านตันต่อปี
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า การปรับราคาขาย NGV เพิ่มขึ้นทุก 1 บาท/กิโลกรัมจะส่งผลให้การขาดทุนจากการขาย NGV ของ PTT ที่ราว 2 หมื่นล้านบาท/ปี ลดลงเหลือ 1.6 หมื่นล้านบาท/ปี เพราะราคาขายที่ 10.50 บาท/กิโลกรัม ต่ำกว่าต้นทุนที่ 15.50 บาท/กิโลกรัม การปรับราคาก๊าซ NGV เพิ่มขึ้นจะเป็นผลบวกโดยตรงต่อ PTT ซึ่งคาดการณ์ว่ากำไรของ PTT ในปี 58-59 จะเพิ่มขึ้นราว 2.6% และ 2.4% ตามลำดับ