สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ( 26 ก.ย. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 65,944 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 34,910 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 52.9% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 24,364 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 36.9% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 892 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB236A และ LB21DA (รุ่นอายุ 4.8 ปี, 8.8 ปี และ 7.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 16,050 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด (TLT162A) มูลค่า 131.4 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน)(BGH233A) มูลค่า 129.1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)(BAY156A) มูลค่า 56.4 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 316.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,919 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,654 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 669 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.02% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.99% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-3 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury ล่าสุด ธปท. ปรับประมาณการ GDP ปี 2558 ลดลงเหลือ 4.8% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 5.5% เนื่องจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว ในขณะที่ยังคงคาดการณ์ GDP ของไทยปี 2557 ไว้ที่ 1.5% ตามเดิม สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 669 ล้านบาท ทั้งนี้ยอด Holding ของนักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นสัปดาห์นี้ ลดลง 10,185 ล้านบาท จาก 719,389 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน เป็น 709,204 ล้านบาท