(เพิ่มเติม) ตลท.ยันไม่มีมาตรการคุมหุ้น IPO ร้อนแรง ให้ปล่อยไปตามกลไกตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 1, 2014 12:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้บริหาร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวว่า ตลท.ไม่มีมาตรการที่จะออกมาควบคุมความร้อนแรงของราคาหุ้น(IPO)ของบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่เริ่มนำเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยเห็นว่าควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ส่วนประเด็นราคาหุ้นหลายตัวในกระดานที่มีความร้อนแรงนั้น มองว่ามีปริมาณน้อยกว่าปีที่ผ่านมมา และส่วนใหญ่เป็นการเข้ามาเก็งกำไรในประเด็นการปรับเปลี่ยนธุรกิจ

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลท.เปิดเผยว่า ตลท.ยังไม่มีมาตรการใหม่ๆที่จะเข้ามาควบคุมความเคลื่อนไหวของหุ้น IPO โดยมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นนั้นเป็นไปตามกลไกของตลาด ที่การกำหนดราคาขาย IPO มักจะให้ส่วนลดกับนักลงทุนที่จองซื้อ ประกอบกับ ปัจจุบันมีภาวะตลาดหุ้นค่อนข้างดีส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น

ในช่วงไตรมาส 4/57 นี้จะมีบริษัทเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO)อีก 10-15 ตัว เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับสถานการทางการเมืองที่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้บริษัทฯต่างๆมีความต่องการที่จะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตลท.คาดว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market cap)สำหรับหุ้น IPO เข้าใหม่จะสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 2.1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 1.9 แสนล้านบาทแล้ว

"หลังจากนี้จะมี IPO จะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากการเมืองคลี่คลายและเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้คนต้องการที่จะเข้ามาระดมทุนมากขึ้น และในบางสัปดาห์อาจจะมีหุ้น IPO ถึง 4 ตัว ทำให้เราคาดว่ามูลค่าตามราคาตลาดของหุ้น IPO จะสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้"นายชนิตร กล่าว

สำหรับหุ้นเก็งกำไรในช่วงนี่ นายชนิตร มองว่าปัจจัยส่วนใหญ่มาจากการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของแต่ละบริษัท ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรโดยคาดหวังว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้ผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้น หากเข้าไปควบคุมอาจจะทำให้เกิดการสกัดกั้นและไม่สะท้อนพื้นฐานใหม่ๆ ทางธุรกิจทีแท้จริง

"ปีนี้อาจจะมีหุ้นที่ร้อนแรงและมีการเข้ามาเก็งกำไรมาก แต่เป็นเข้ามาเพราะบริษัทนั้นๆมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจทำให้นักลงทุนมีความคาดหวังถึงผลตอบแทนที่จะดีขึ้น โดยถ้าหากเราเข้าไปควบคุมก็อาจจะเป็นการไปสกัด potential ของการเติบโตในอนาคตของบริษัทนั้นได้ ซึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ส่วนใหญ่ไม่มีพื้นฐานรองรับและยังขาดทุน แต่ราคาหุ้นขึ้นไปมากกว่า 200-300% แบบไร้สาเหตุ แต่ปีนี้ยังถือว่าไม่มาก"นายชนิตร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ