เครือดั๊บเบิ้ล เอ เพาเวอร์ ออกหุ้นกู้ 3 พันลบ.อายุ 3.5-5 ปี ดอกเบี้ย 5.10-5.55%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 15, 2014 15:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชัย ซอปิติพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย(NPS) ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานปลูกได้ในกลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ เพาเวอร์ เปิดเผยว่า บริษัทเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2557 อายุ 3.5 ปี และ 5 ปี วงเงิน 3,000 ล้านบาท ให้แก่นักลงทุน เปิดจองขั้นต่ำ 100,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 15-16 และ 21–22 ต.ค.57 รองรับการขยายการลงทุนและการเติบโตทางธุรกิจ โดยการปลูกพืชพลังงานสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกร สอดคล้องตามแนวนโยบายด้านพลังงานของประเทศ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการผลิตไฟฟ้าแบบครบวงจรที่มีการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ไปพัฒนาโครงการด้านพลังงานทดแทนและพัฒนาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า โดยการปลูกพืชพลังงานตามนโยบายของรัฐบาล เป็นการมุ่งเน้นนำพื้นที่การเกษตรที่เดิมปลูกพืชที่ให้ผลผลิตและรายได้น้อย มาปลูกพืชพลังงานแทน อาทิ อ้อย,มันสำปะหลัง และหญ้าเนเปียร์ เป็นต้น ซึ่งสามารถได้ผลผลิตและรายได้ที่ดีกว่า ส่งผลให้การลงทุนต่อพื้นที่ได้กำไรสูงขึ้น เป็นการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกรไทย รวมทั้งลดการนำเข้าก๊าซ LNG นอกจากนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้อีกส่วนหนึ่งไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและลงทุนในโครงการอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานและธุรกิจของบริษัท ตลอดจนชำระคืนเงินกู้ยืม

หุ้นกู้ดังกล่าวเป็นชนิดระบุชื่อผุ้ถือประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและมีผุ้แทนผู้ถือหุ้นกู้ โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3.5 ปี อัตราดอกเบี้ยงคงที่ 5.10% ต่อปี ส่วนหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี มีอัตราดอกเบี้ยงคงที่ 5.55% ต่อปี ซึ่งหุ้นกู้ชุดที่ 1 และหุ้นกู้ชุดที่ 2 มีจำนวนรวมไม่เกิน 3,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับหุ้นกู้ที่สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมของหุ้นกู้ชุดที่ 2 แล้ว มีจำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 5,000 ล้านบาท เปิดจองขั้นต่ำ 100,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 15– 21 ต.ค.57 สำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนทั่วไป ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นกู้ชุด NPS145A ผ่านธนาคารกรุงไทย และ วันที่ 20-21 ต.ค.57 สำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนทั่วไป ผ่านธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารธนชาต

ทั้งนี้ NPS มีผลประกอบการครึ่งแรกของปี 57 มีรายได้ 7,948 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 6,582 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,278 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 จาก 878 ล้านบาทในงวด 6 เดือนแรกของปี 56 การเติบโตดังกล่าวเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำ เนื่องจากหน่วยขายที่เพิ่มขึ้น และราคาขายไฟฟ้าต่อหน่วยที่ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนที่ขายลูกค้าอุตสาหกรรมและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิที่สูงขึ้นจากการบริหารเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ