สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ( 17 ต.ค. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 68,676 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 47,051 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 68.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 14,236 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 20.7% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,022 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.9% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB21DA และ LB176A (รุ่นอายุ 4.7 ปี, 7.2 ปี และ 2.7 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 10,032 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)(TOP273A) มูลค่า 282.8 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)(CPALL18OB) มูลค่า 186.8 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (ICBCTL174A) มูลค่า 142.8 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 612.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30.3% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 17,096 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,579 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 645 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.72% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
Yield Curve แกว่งตัวในกรอบแคบๆ เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 1 bp. นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ประกาศออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ และผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน ก.ย. สูงกว่าที่คาดไว้ค่อนข้างมาก ประกอบกับการส่งสัญญาณว่า Fed อาจจะชะลอการยุติ QE ที่จะสิ้นสุดปลายเดือน ต.ค.นี้ออกไปก่อน ส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 645 ล้านบาท ทั้งนี้ยอด Holding ของนักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นสัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้น 3,857 ล้านบาท จาก 691,651 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน เป็น 695,508 ล้านบาท