ทั้งนี้ กระแสตอบรับจากการโรดโชว์ดีมาก ทำให้เรามั่นใจว่าหุ้นไอพีโอที่เราเตรียมขายและเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วงปลายปีนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากนักลงทุนเช่นเดียวกัน โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทเตรียมนำไปใช้สำหรับการขยายธุรกิจและคืนหนี้ให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลง ประกอบกับจะช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินทุนได้หลากหลายยิ่งขึ้น โดยในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทเตรียมขยายสาขาเพิ่มเป็น 1,000 แห่ง และปล่อยสินเชื่อเพิ่มเป็น 25,000 ล้านบาท
MTLS ถือเป็นผู้นำตลาดการให้สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ เนื่องจากบริษัทเปิดโอกาสให้คนที่มีรายได้น้อย และเข้าไม่ถึงบริการทางเงินของระบบธนาคารพาณิชย์ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาและยกระดับความเป็นอยู่ของตนเองได้ ซึ่งดีกว่าการไปกู้เงินนอกระบบ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก และการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 แห่งในช่วง 3 ปีข้างหน้า จะทำให้ MTLS สามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ และทำให้ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส(FSS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ MTLS กล่าวว่า การนำเสนอข้อมูลของบริษัทในครั้งนี้จะทำให้นักลงทุนรู้จักและเข้าใจลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัท รวมถึงเล็งเห็นถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัทมากยิ่งขึ้น
ผลการดำเนินงานของ MTLS ในช่วงที่ผ่านมามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งในแง่การปล่อยสินเชื่อ รายได้ และกำไรสุทธิ ขณะที่การอนุมัติสินเชื่อเป็นไปอย่างรัดกุม และการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพทำให้เอ็นพีแอลอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งบริษัทยังมีนโยบายการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอย่างระมัดระวังและเพียงพอโดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเอ็นพีแอลกว่า 280% ซึ่งถือว่ามีความแข็งแกร่งมาก เมื่อผนวกกับแผนการขยายธุรกิจในอนาคตก็จะยิ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ของบริษัทได้เป็นอย่างดี
MTLS เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 545 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.71% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของ โดยจะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 502.50 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทหรือบริษัทย่อย จำนวน 42.50 ล้านหุ้น โดยทั้งสองส่วนจะเสนอขายในราคาเดียวกัน โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้