"บัณฑิต"เผยบจ.ไทยปี 57 ได้คะแนนกำกับดูแลกิจการเฉลี่ย 72% ยังอยู่ในเกณฑ์ดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 22, 2014 14:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ปี 2557 ว่า จากการสำรวจบจ.ทั้งหมด 550 บริษัท มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 72% ซึ่งตามเกณฑ์แล้ว ถือว่า อยู่ในระดับดี แม้ว่าจะมีคะแนนเฉลี่ยลดลงจาก 78% เมื่อปี 56 (526 บริษัท)

เนื่องจากในปีนี้มีการปรับหลักเกณฑ์ที่มีรายละเอียดมากขึ้นเป็น 237 ข้อ จากเดิมมี 148 ข้อ และมีการปรับวิธีการคำนวณคะแนนใหม่

อย่างไรก็ดี ปีนี้บริษัทจดทะเบียนไทยที่มีคะแนนต่ำสุด ก็มีการปรับตัวดีขึ้น ซึ่งได้ติดตามเข้าไปให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่องแก่บริษัทฯ ที่ยังมีคะแนนอยู่ในระดับต่ำ

ทั้งนี้ หากพิจารณาคะแนนเฉลี่ยรายหมวดของผลสำรวจในปี 57 หมวดที่ได้รับคะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ 70% ขึ้นไป มี 3 หมวด ได้แก่ หมวดการปฎิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน สิทธิของผู้ถือหุ้น และการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 91,87 และ 77 ตามลำดับ

ส่วนหมวดที่ที่มีคะแนนเฉลี่ยในระดับ 60% ได้แก่ หมวดความรับผิดชอบของคณะกรรมการ หมวดการคำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 63 และ 62 ซึ่งคงต้องสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาต่อไป

นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบจำนวนบริษัทตามผลการสำรวจที่ได้รับในแต่ละระดับ ซึ่งมีการประกาศผลตามจำนวนสัญญลักษณ์ของคณะกรรมการบรรษัทภิบาลแห่งชาติ พบว่า มีบจ. จำนวน 308 บริษัทที่ได้รับคะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ 70% ขึ้นไป หรือระดับดีขึ้นไป โดยในจำนวนนี้มีบริษัที่ได้รับคะแนน 90% ขึ้นไปหรือระดับดีเลิศ จำนวน 29 บริษัท (5%) บริษัทที่ได้รับคะแนน 80-89% หรือระดับดีมาก จำนวน 108 บริษัท (20%) และบริษัทที่ได้รับคะแนน 70-79% หรือระดับดี จำนวน 171 บริษัท (31%)

ส่วนกรณีที่ในช่วงนี้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นนั้น นายบัณฑิต ในฐานะที่เป็นคณะกรรมการกำกับดูแล มองว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังมีการควบคุมดูแล บจ.ไทยอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด ซึ่งมาตรการก็น่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยขณะนี้ ยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามาส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่การส่งออก และการบริโภคที่เป็นตัวสะท้อนต่อปัจจัยยังต้องใช้เวลา ประกอบกับเศรษฐกิจโลกก็ชะลอตัวลงจึงส่งผลมาถึงการนำเข้าและการส่งออก รวมถึงการลงทุน และทำให้การดำเนินธุรกิจในประเทศยังต้องระมัดระวังอย่างมาก ซึ่งการออกนโยบายใหม่ของภาครัฐที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและน่าจะส่งผลดีในปี 58

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ