ERW คาดปี 58 พลิกกำไร รายได้โต 35% ,ตั้งกอง REIT มูลค่า 1.8 -2 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 21, 2014 14:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป(ERW)คาดว่า ผลการดำเนินงานในปี 58 จะพลิกกลับมามีกำไร จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีผลขาดทุน โดยปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวขึ้นของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ ออกมา ประกอบกับสถานการณ์ในประเทศยังมีความสงบอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 12% จากปีนี้ หรือเพิ่มเป็น 28 ล้านคน จากปีนี้อยู่ที่ 25 ล้านคน

ทั้งนี้ ในปี 57 รายได้ของบริษัทคาดว่าจะลดลง 9% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5.61 พันล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากสถาการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงและส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรม ประกอบกับ บริษัทไม่ได้มีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ไม่มีรายได้พิเศษเข้ามา

ส่วนปีหน้าบริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตราว 35% จากปีนี้ โดยประเมินอัตราการเข้าพัก(OCC)จะเพิ่มเป็น 85% จากปีนี้น่าจะอยู่ที่เฉลี่ย 65% ประกอบกับอัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก(Rev.PAR)ก็จะเพิ่มเป็น 16% จากปีนี้ติดลบ ซึ่งในปีหน้าบริษัทจะปรับเพิ่มราคาห้องพักเฉลี่ย(ARR)เพิ่มขึ้น 7% จากปี 56 ซึ่งเป็นไปตามภาวะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและต้นทุนการบริหารจัดการที่เพิ่มขึ้น

อีกทั้งบริษัทเปิดโรงแรมใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้รายได้เติบโตมากขึ้น โดย ณ สิ้นปี 58 จะมีโรงแรมทั้งหมด 36 แห่ง 5,921 ห้อง จากสิ้นปี 57 มีโรงแรมทั้งหมด 28 แห่ง 5,289 ห้อง โดยตัวขับเคลื่อนรายได้หลัก คือ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ที่มีการปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทำให้เป็นหนึ่งในโรงแรมของกลุ่ม ERW ที่ให้ผลตอบแทนดี

ประกอบกับ บริษัทจะมีรายได้พิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT) ซึ่งคาดว่าจะนำสินทรัพย์ประเภทโรงแรมไปจัดตั้งในช่วงไตรมาส 2/58 หรือไตรมาส 3/58 มูลค่าราว 1.8-2 พันล้านบาท โดยรูปแบบกอง REIT ของบริษัทจะเป็น Free Hold วัตถุประสงค์เพื่อระดมเงินทุนไปใช้ลงทุนพัฒนาโครงการอื่นๆ ในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในปีหน้า 1.9 พันล้านบาทสำหรับสร้างโรงแรม 1.3 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้ปรับปรุงโรงแรมเดิม

นางกมลวรรณ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะขยายโรงแรมระดับราคาประหยัด ภายใต้แบรนด์ HOP INN ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เป็น 100 แห่งภายในปี 63 จากสิ้นปีนี้คาดว่าจะ 10 แห่ง ซึ่งจะเพิ่มอีก 8 แห่งในปี 58 และ 7 แห่ง ในปี 59 นอกจากนั้น บริษัทเชื่อว่าจะได้เห็นการลงทุนโรงแรมในภูมิภาคอาเซียนในปี 59 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาประเทศที่มีความเป็นไปได้และมีความน่าสนใจลงทุน เบื้องต้นมองไว้ที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์

"ปี 59 น่าจะได้เห็นสัก 1 โรงแรมไนอาเซียน ซึ่งตอนนี้เราไม่มีการลงทุนโรงแรมในต่างประเทศเลย แต่เราก็ศึกษาอยู่ว่าจะไปลงทุนประเทศไหนดี ที่เราสนใจก็เป็นประเทศอินโดนีเซียและฟิลลิปปินส์ เพราะ 2 ประเทศนี้มีจำนวนประชากรมาก ประเทศเขาใหญ่ทำให้การเดินทางไปในแต่ละเมืองต้องมีการพัก มีสายการบินโลว์คอสที่มีการดำเนินงานในเชิงรุก อย่างสายการบินไลออน แอร์ ที่ในปีนี้มีการเพิ่มจำนวนเครื่องบินไหม่เยอะมาก ซึ่งเรามองเห็นโอกาสตรงนี้ด้วย

ประกอบกับค่าแรง ค่าก่อสร้าง ราคาที่ดินใน 2 ประเทศนั้นก็ยังถูกกว่าประเทศไทย แต่ต้นทุนทางการเงินนั้นยังสูงกว่าประเทศไทย เราว่าเป็นโอกาสที่ดีและน่าสนใจไปลงทุน แต่ขอเวลาศึกษาอีกสักหน่อยให้มั่นใจก่อนว่าลงทุนแล้วจะมีผลตอบแทนที่ดีกลับมา และเป้าหมายระยะยาวในปี 63 ของเราก็คาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มมาที่ 20% จากปัจจุบันไม่มีเลย"นางกมลวรรณ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ