ทริสฯ ให้เครดิตหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 6,500 ลบ.EDL-Gen ที่ “BBB+/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 25, 2014 14:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 6,500 ล้านบาทของ EDL-Generation Public Company (EDL-Gen) ที่ระดับ “BBB+" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ EDL-Gen ที่ระดับ “BBB+" โดยแนวโน้มยังคง “Stable" หรือ “คงที่" ทั้งนี้ บริษัทวางแผนจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ในการขยายกิจการ

อันดับเครดิตสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของ Electricite du Laos (EDL) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้รับซื้อไฟฟ้าเพียงรายเดียวของบริษัท โดย EDL เป็นรัฐวิสาหกิจของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ซึ่งความน่าเชื่อถือได้รับการสนับสนุนจาก สปป. ลาว เป็นสำคัญ นอกจากนี้ อันดับเครดิตของ EDL-Gen ยังขึ้นอยู่กับสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าใน สปป. ลาวและความเหมาะสมของโครงสร้างทางการเงินในการรองรับแผนการเติบโตของธุรกิจในอนาคตของบริษัทด้วย

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงด้านอันดับเครดิตของ สปป. ลาว รวมทั้งความต้องการเงินลงทุนในระดับสูงของ EDL เพื่อใช้ในการขยายโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า และความเสี่ยงของธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ

ขณะที่แนวโน้มอันดับ “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าโครงสร้างธุรกิจและความเกี่ยวข้องทางธุรกิจระหว่าง EDL และ EDL-Gen จะมีสถานะที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน นอกจากนี้ EDL-Gen น่าจะสามารถขยายธุรกิจได้ตามแผนและสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างแข็งแกร่ง โดยที่ EDL จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ EDL-Gen และ EDL จะยังคงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ในขณะเดียวกัน สถานะงบประมาณภาครัฐและดุลการค้าของ สปป. ลาวก็คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นในระยะปานกลางด้วยเช่นกัน

EDL-Gen ก่อตั้งในปี 2553 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สปป. ลาวในปี 2554 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าของ สปป. ลาว โดย EDL-Gen ต้องซื้อโรงไฟฟ้าทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและในอนาคตจาก EDL มาดำเนินการเอง ทั้งนี้ ในอดีตที่ผ่านมา EDL ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ผลิตไฟฟ้า ผู้บริหารสายส่งไฟฟ้า และผู้จำหน่ายไฟฟ้าเพียงรายเดียวใน สปป. ลาวก่อนที่จะมีการจัดตั้ง EDL-Gen นอกจากนี้ EDL ยังถือหุ้นในผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producers – IPPs) บางรายใน สปป. ลาวด้วย หลังจากการปฎิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าแล้ว EDL ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าเพียงรายเดียวและเป็นเจ้าของโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าเกือบทั้งหมดใน สปป. ลาว

ณ เดือนกันยายน 2557 EDL ถือหุ้น 75% ใน EDL-Gen โดย EDL-Gen ดำเนินธุรกิจเป็นเจ้าของและบริหารเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่พัฒนาโดย EDL และลงทุนในหุ้นของผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระที่เดิมถือหุ้นโดย EDL ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าแต่ละแห่งของ EDL-Gen ดำเนินการภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าและสัญญาสัมปทานระยะเวลา 30 ปี ณ เดือนกันยายน 2557 EDL-Gen มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 881 เมกะวัตต์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 387 เมกะวัตต์จากโรงไฟฟ้าที่เป็นเจ้าของ 7 แห่ง และอีก 494 เมกะวัตต์จากโรงไฟฟ้าที่ EDL-Gen ถือหุ้นผ่านผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ 4 ราย

อันดับเครดิตของ EDL-Gen สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของ EDL ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และมีความเกี่ยวข้องทางธุรกิจกับ EDL-Gen ในระดับสูงทั้งด้านการเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้า โอกาสการเติบโตของธุรกิจ รูปแบบสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในอนาคต รวมทั้งนโยบายการจ่ายเงินปันผล โดย EDL เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าเพียงรายเดียวของ EDL-Gen และเป็นเจ้าของโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับโรงไฟฟ้าที่ EDL-Gen เป็นเจ้าของทุกแห่งในปัจจุบัน รวมถึงโครงการในอนาคตด้วย

ความน่าเชื่อถือของ EDL ขึ้นอยู่กับแนวโน้มที่เป็นไปได้สูงว่ารัฐบาล สปป. ลาวจะให้ความช่วยเหลือแก่ EDL อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ต้องการ โดยแนวโน้มดังกล่าวสะท้อนจากบทบาทที่สำคัญที่ทั้ง EDL และ EDL-Gen มีต่อแผนพัฒนาไฟฟ้าของ สปป. ลาวและความสำคัญของอุตสาหกรรมไฟฟ้าที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ทั้งนี้ EDL มีกระทรวงการเงินของ สปป. ลาวเป็นผู้ถือหุ้นเพียงรายเดียว

อันดับเครดิตของ EDL-Gen สะท้อนถึงความเป็นผู้นำและความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าใน สปป. ลาว โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 2 ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 30% ของกำลังการผลิตรวม และเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 50% ของกำลังการผลิตรวมสำหรับการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงแนวโน้มการเติบโตของ EDL-Gen ที่มีความชัดเจนและมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูงในการขยายกำลังการผลิตจาก 881 เมกะวัตต์ในปี 2556 เป็น 2,423 เมกะวัตต์ภายในปี 2563

ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความท้าทายสำหรับ สปป. ลาวในการพัฒนาโครงสร้างประเทศและบรรยากาศที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งการบริหารจัดการหนี้สาธารณะด้วย โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund - IMF) ประมาณการอัตราส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่ 47% ในปี 2556 และคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะยังคงได้รับแรงกดดันจากงบประมาณภาครัฐและดุลการค้าที่ติดลบในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงถัดไป

EDL-Gen มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีรายได้ในปี 2554-2556 อยู่ที่ 3-3.5 พันล้านบาท อัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ค่อนข้างคงที่อยู่ที่ระดับ 86%-89% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งมากที่ 12.8%

ในระหว่างปี 2557-2563 ประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่า EDL-Gen จะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยที่ 13% ต่อปี อัตราส่วนกำไรคาดว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 80% เงินทุนจากการดำเนินงานคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยที่ 5% ต่อปี โดยอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าของเงินทุนจากการดำเนินงานสะท้อนถึงภาระดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นเพื่อขยายการลงทุน ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่า EDL-Gen มีโครงสร้างทางการเงินที่เพียงพอต่อการรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ส่วนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5.5-6 พันล้านบาทต่อปี การจ่ายเงินปันผลคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 พันล้านบาทต่อปี อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก แต่จะอยู่ในระดับไม่เกิน 65% หรือเทียบได้กับอัตราส่วนหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดับไม่เกิน 1.8 เท่าตลอดช่วงการขยายธุรกิจของบริษัทจนถึงปี 2563

สภาพคล่องของ EDL-Gen คาดว่าจะอยู่ในระดับปานกลาง ในขณะที่อัตราส่วนสภาพคล่องที่คาดว่าจะอยู่ในระดับแข็งแกร่งกลับลดทอนลงไปบางส่วนจากความเสี่ยงของสกุลเงินที่เป็นรายรับนั้นไม่สอดคล้องกับสกุลเงินที่ต้องการสำหรับชำระคืนหนี้ รวมทั้งประวัติในการระดมเงินผ่านตลาดทุนที่ค่อนข้างจำกัด ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคาดว่าจะอยู่ในระดับเฉลี่ยเกินกว่า 10% และอัตราส่วนกำไรต่อดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าจะอยู่ในระดับเกินกว่า 3 เท่า

ในกรณีต่ำกว่าประมาณการพื้นฐาน ทริสเรทติ้งตั้งสมมติฐานให้ความล่าช้าในการพัฒนาโครงการใหม่และอัตราส่วนกำไรอยู่ที่ระดับ 70% ซึ่งจะทำให้รายได้ของ EDL-Gen ต่ำกว่าประมาณการพื้นฐานประมาณ 15% เงินทุนจากการดำเนินงานจะลดต่ำลง 30% และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะปรับขึ้นเป็น 70% อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่ากรณีต่ำกว่าประมาณการพื้นฐานดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ทั้งนี้ สถานะทางการเงินของบริษัทนั้นถือว่าเพียงพอที่จะรองรับผลประกอบการในกรณีที่ต่ำกว่าประมาณการพื้นฐานได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ