ตลท.รับอีทีเอฟใหม่ 4 กองทุนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เริ่มเทรด 15 ธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 12, 2014 17:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท. ประกาศรับอีทีเอฟที่บริหารจัดการโดย บลจ. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนโดยจะเปิดซื้อขายวันแรกในวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคมนี้ ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายที่จะสนับสนุนให้มีกองทุนรวมอีทีเอฟที่มีความหลากหลาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงแก่ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนให้กว้างขวางมากขึ้น

อีทีเอฟใหม่ 4 กองทุนนี้ประกอบด้วย “MUS" อีทีเอฟที่ให้ผลตอบแทนตามดัชนี S&P500 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นของบริษัทใหญ่ 500 บริษัทแรกของสหรัฐอเมริกา “MEU" ซึ่งเป็นอีทีเอฟที่ให้ผลตอบแทนตามดัชนี MSCI EMU ซึ่งประกอบด้วยหุ้นของบริษัทชั้นนำในทวีปยุโรป “MJP" ซึ่งเป็นอีทีเอฟที่ให้ผลตอบแทนตามดัชนี MSCI Japan ซึ่งประกอบด้วยหุ้นขนาดกลางถึงใหญ่ในญี่ปุ่น และ “MEM" ซึ่งเป็นอีทีเอฟที่ให้ผลตอบแทนตามดัชนี MSCI Emerging Market ซึ่งประกอบด้วยหุ้นขนาดกลางถึงใหญ่ของตลาดเกิดใหม่ อีทีเอฟทั้ง 4 กองทุนดังกล่าว มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง มีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการกองทุนประมาณ 0.77%-1.37% ซึ่งนับว่าต่ำกว่ากองทุนรวมหุ้นต่างประเทศโดยทั่วไป

“ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายอีทีเอฟใหม่ทั้ง 4 กองทุนนี้ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่เปิดไว้กับบริษัทหลักทรัพย์เหมือนอีทีเอฟอื่นๆ ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะมีการเผยแพร่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยประมาณระหว่างวัน (iNAV – indicative NAV) ที่คำนวณโดยบริษัทมาร์ค อิท กรุ๊ป ลิมิเต็ท (Markit Group Limited) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการคำนวณราคาสินทรัพย์อ้างอิง เพื่อให้ผู้ลงทุนใช้เปรียบเทียบกับราคาซื้อขายของอีทีเอฟที่มีการเสนอซื้อเสนอขายโดยผู้ดูแลสภาพคล่อง ได้แก่ คอมเมิร์สแบงก์ เอจี (Commerzbank AG) ซึ่งเป็นมืออาชีพในการดูแลสภาพคล่องให้กับอีทีเอฟในหลายประเทศ" นางเกศรากล่าวเสริม

นายตรีพล ภูมิวสนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเปิดขาย ETF ทั้ง 4 กองทุนนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักลงทุนไทยมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้ผลตอบแทนของนักลงทุนมีความผันผวนลดลง หากใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการกระจายความเสี่ยงและจัดสัดส่วนการลงทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ มีผู้ลงทุนที่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมากทั้งบุคคลธรรมดาและนักลงทุนสถาบัน และเชื่อว่า ETF ทั้ง 4 กองทุนนี้จะเติบโตได้อย่างยั่งยืนในตลาดทุนไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ