ตลท.ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันเป็น 50% ใน 5 ปี เพื่อสร้างสมดุล

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 18, 2014 13:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท. ตั้งเป้าภายใน 5 ปี (58-62) หวังที่จะเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันเป็น 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 40% และบางช่วงจังหวะการซื้อขายพบว่าสัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่ำกว่าระดับ 40%

ทั้งนี้ ตลท. หวังที่จะเพิ่มสมดุลให้กับตลาดทุนไทย รวมถึงหวังที่จะเพิ่มเสถียรภาพ และลดความผันผวนของตลาดหุ้นไทย เพราะกลุ่มนักลงทุนบุคคล หรือนักลงทุนรายย่อยอาจจะมีความอ่อนไหวต่อบรรยากาศการลงทุนในช่วงที่เกิดสถานการณ์ไม่แน่นอน และเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ในชั่วโมงซื้อขาย โดยกลุ่มสถาบันมักจะมีเป้าหมายที่ชัดเจน และไม่ค่อยหวั่นไหวต่อสถานการณ์มากนัก

"เราต้องการที่จะเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบัน เพราะตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนจากนักลงทุนรายบุคคล สัดส่วนนักลงทุนรายบุคคลอยู่ระดับเฉลี่ย 60-70% เราเองมองว่าการที่เราเข้ามาช่วยเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบัน จะเป็นแรงหนุน และช่วยทำให้เกิดสมดุลในตลาดทุน ช่วยลดความผันผวนของตลาดหุ้น จากนี้ไปเราก็พยายามให้ข้อมูลเพื่อให้นักลงทุนหันมาใช้กองทุนรวมมากยิ่งขึ้น" นางเกศรา กล่าว

หลังจากนี้ ตลท. มีแผนที่จะร่วมกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุนและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม เพื่อนำเสนอข้อมูลและให้ความรู้ความใจเกี่ยวกับกองทุนรวม และคาดจะทำให้สัดส่วนการลงทุนจากสถาบันจะเพิ่มขึ้นตาม โดยมองว่าการลงทุนผ่านกองทุน เพราะเป็นช่องทางในการออมที่มีผลตอบแทนสูง โดย 5 ปีย้อนหลังพบการลงทุนในกองทุนรวมให้ผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 25% ต่อปี

ขณะที่วันนี้มีการจัดงาน"มหกรรมมีใช้ตอนแก่ด้วย LTF - RMF" โดยคาดว่าการจัดงานนี้จะช่วยให้มีเม็ดเงินนักลงทุน ที่สนใจเข้าลงทุนในกองทุนเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนที่มีเม็ดเงินจากการลงทุนที่ระดับกว่า 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเม็ดเงินจาก LTF - RMF เข้ามาสนับสนุน แต่ก็ไม่ได้สนับสนุนต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ มากนัก เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ มักจะทยอยซื้อกองไปล่วงหน้าก่อนหน้านี้พอสมควรและ โดยเฉพาะในช่วงที่ดัชนีฯ ลดลงไปต่ำสุดที่ 138 จุด หรือกว่า 9% ในวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา น่าจะมีจำนวนนักลงทุนที่ทยอยเข้าซื้อกองทุนไปแล้วบางส่วน

อย่างไรก็ตาม มองดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยยังคงมีความผันผวนทั้งในช่วงปลายปีนี้ถึงปีหน้า แม้บรรยากาศการลงทุนในตลาดช่วงนี้ได้ลดความผันผวน จากก่อนหน้านี้ที่ปรับตัวลดลงแรง เพราะนักลงทุนตอบรับปัจจัยลบที่เข้ามากระทบต่อบรรยากาศการลงทุนช่วงก่อนหน้านี้แล้ว โดยนักลงทุนปัจจุบันเริ่มคลายความกังวลจากเหตุการณ์ดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว ซึ่งมองว่าตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมีความน่าสนใจ หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นผลบวกมากกว่าผลเสีย ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการลดลง เพราะประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันในปริมาณมาก ทั้งนี้ แนะนำ นักลงทุนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ