"เค.ซี.เมททอลชีท" เริ่มซื้อขายใน mai 23 ธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 22, 2014 14:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ.เค.ซี.เมททอลชีท (KCM) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 23 ธันวาคม 2557 โดย KCM ดำเนินธุรกิจขึ้นรูป และจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นเหล็กเคลือบรีดลอนและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับใช้เป็นแผ่นหลังคาและแผ่นผนัง ภายใต้แบรนด์ “รถถัง" และ “คอมมานโด" รวมทั้งขึ้นรูปชิ้นงานเหล็กกล้าสำเร็จรูป และให้บริการงานออกแบบ ติดตั้งโครงสร้างเหล็กกล้าสำเร็จรูปสำหรับอาคารสิ่งปลูกสร้างแบบครบวงจร ปัจจุบันมีสำนักงานขายจำนวน 22 สาขา ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ารายย่อยในภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคเหนือ และมีกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ อาทิ ร้านวัสดุก่อสร้าง และผู้รับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ มีลูกค้าหลัก ได้แก่ บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์
          KCM มีทุนชำระแล้ว 170 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 480 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 200 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 1.30 บาท เมื่อวันที่ 15-17 ธันวาคม 2557 คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 260 ลบ. มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 884 ลบ.         มีบริษัท แอสเซทโปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายนิพนธ์ เจริญกิจ กรรมการผู้จัดการ KCM เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ ชื่อเสียง และความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับบริษัท โดยจะนำเงินจากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และใช้ในการขยายสาขา 3 สาขา สำนักงานขายขนาดเล็ก 92 แห่ง ลงทุนซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิตแปเหล็กกล้ากำลังสูง และใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจอาคารสำเร็จรูปให้เช่าเพื่อสร้างความมั่นคงให้ผลประกอบการ และเป็นปัจจัยส่งเสริมให้บริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร็งและยั่งยืน

KCM มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวเจริญกิจ ถือหุ้น 70.58% คุณเปรมฤดี ขันดี ถือหุ้น 0.22% และคุณศิรประเสริฐ จีระพรประภา ถือหุ้น 0.17% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นในครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ ต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 89.04 เท่า คำนวณจากผลประกอบการ 4 ไตรมาสย้อนหลัง (1 ตุลาคม 2556 – 30 กันยายน 2557) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0146 บาท ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและทุนสำรองต่าง ๆ ทั้งหมด

ในวันทำการแรกของเดือนมกราคม 2558 mai จะนำหลักทรัพย์จัดแยกเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม (mai Industry group) 8 กลุ่ม ตามลักษณะการประกอบธุรกิจ ซึ่ง KCM จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (Industraials)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ