ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 383,429 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 22, 2014 17:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (15 – 19 ธันวาคม 2557) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 383,429 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 76,686 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 4% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 65% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 247,762 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 82,707 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 5,108 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 4.5 ปี) LB21DA (อายุ 7.0 ปี) และ LB176A (อายุ 2.5 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 14,618 ล้านบาท 14,373 ล้านบาท และ 9,769 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) รุ่น HMPRO159B (A+) มูลค่าการซื้อขาย 408 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) รุ่น TUF172A (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 284 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) รุ่น BGH233A (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 264 ล้านบาท

ราคา (Price) ของพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลง หรือผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทน (Yield) สูงขึ้น ประมาณ 0.02% - 0.13% หากเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ในการประชุม กนง. เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% อย่างไรก็ตาม ผลการประชุมดังกล่าวเป็นไปในทิศทางที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ไทยมากนัก ขณะที่ คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับต่ำที่ 0-0.25% ต่อไป พร้อมส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังปรับตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ให้สูงขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือน ก.ย. จากท่าทีของ Fed ที่ยังไม่มีแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ บวกกับมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนบางส่วนโยกเงินจากสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ตราสารหนี้ เข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้น จะเห็นได้จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงท้ายสัปดาห์ บวกกับแรงขายตราสารหนี้เพื่อทำกำไรและปรับพอร์ตของนักลงทุนบางกลุ่มหลังจากที่ทยอยซื้อไว้ในช่วงก่อนหน้า ทั้งหมดนี้ มีส่วนให้ราคาตราสารหนี้ไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง (Yield สูงขึ้น)

ทางด้านสถานการณ์ในรัสเซีย ล่าสุด ธนาคารกลางรัสเซียประกาศขึ้นดอกเบี้ยจาก 10.5% เป็น 17% ซึ่งถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยในสัดส่วนที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2541 หลังจากเงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนค่าลงอย่างหนัก เนื่องจากการเผชิญปัญหาเศรษฐกิจอย่างรุนแรงหลังราคาน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง และการถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากชาติตะวันตก อย่างไรก็ตาม ด้วยความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและรัสเซียที่มีอยู่ค่อนข้างน้อย ทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยมากนัก

ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (15 – 19 ธ.ค. 57) เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติไหลออกจากตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือ > 1 ปี) 5,181 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ