สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (22 – 26 ธันวาคม 2557) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 268,199 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 53,640 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 30% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 72% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 193,451 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 28,293 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 3,249 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB21DA (อายุ 7.0 ปี) LB196A (อายุ 4.5 ปี) และ LB176A (อายุ 2.5 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 6,134 ล้านบาท 4,281 ล้านบาท และ 4,164 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT155A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 221 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รุ่น PTTC195B (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 182 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) รุ่น PS156A (A) มูลค่าการซื้อขาย 151 ล้านบาท
ราคา (Price) ของพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงเล็กน้อย หรือผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทน (Yield) สูงขึ้น ประมาณ 0.01% - 0.04% หากเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากเป็นช่วงปลายปี ทำให้ความต้องการประมูลพันธบัตรของนักลงุทนมีอยู่ไม่มากนัก เห็นได้จากการประมูลตั๋วเงินคลัง อายุ 182 วัน และการประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 91 วัน, 182 วัน และ 1.2 ปี ที่ขายได้ไม่เต็มจำนวน หรือมีความต้องการประมูลในจำนวนที่ต่ำกว่าปริมาณพันธบัตรที่ออกขายทั้งหมด ส่งผลให้ราคาของพันธบัตรรุ่นที่มีการประมูลปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับรุ่นข้างเคียง (Yield สูงขึ้น) และมีส่วนทำให้ราคาของพันธบัตรรุ่นอื่นๆ ปรับตัวลดลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (22 – 26 ธ.ค. 57) เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าสู่ตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือ > 1 ปี) อีก 1,972 ล้านบาท