ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรสุทธิเติบโตในระดับที่ดีต่อเนื่องมาจาก การเพิ่มขึ้นอย่างมากของรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ อันเป็นผลจากการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ย และการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมบริการ อย่างไรก็ตาม ในปี 57 มีการลดลงของเงินปันผลรับ (เมื่อเทียบกับเงินปันผลรับที่สูงมากในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 3 ของปี 56) และการลดลงของกำไรจากธุรกรรมค้าเงินและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ
สำหรับไตรมาส 4/57 ธนาคารมีผลกำไรสุทธิก่อนตรวจสอบจำนวน 12,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากการลดลงของค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ย รายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นและการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลงจาการที่ได้มีการตั้งสำรองตามหลักการระมัดระวังไว้แล้ว ในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม กำไรที่เพิ่มขึ้นของไตรมาส 4/57 จะน้อยกว่าของไตรมาส 4/56 เนื่องจากในปี 56 ธนาคารมีการรับรู้รายได้จากการลงทุนในระดับที่สูง
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาต้องถือว่ากลยุทธ์ทางธุรกิจที่ธนาคารนำมาใช้ดำเนินการได้ถูกทดสอบอย่างเข้มข้นในสภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบาก ดังนั้นการที่ธนาคารสามารถสร้างผลงานที่ดีต่อเนื่องและผ่านปีอันท้าทายมาได้อย่างดีเป็นบทพิสูจน์ถึงความสำเร็จและแสดงถึงความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ความแข็งแกร่งทางด้านยุทธศาสตร์ และความสามารถของทีมผู้บริหารและพนักงานของธนาคารเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ในปี 57 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 81,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.1% จากปี 2556 เป็นผลจากการลดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยแม้มีปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ในการลดต้นทุนเงินฝากเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นๆ ทั้งยังเป็นไปตามแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่ในระดับปานกลาง
ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ลดลงจากปีที่แล้ว 6.9% มาอยู่ที่ 47,030 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้เงินปันผลที่ลดลง (เมื่อเทียบกับเงินปันผลรับในระดับสูงที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 1 และ 3 ของปี 56) รวมทั้งการลดลงของรายได้จากธุรกรรมค้าเงินและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ ตลอดจนรายได้จากเบี้ยประกันภัย
ด้านคุณภาพสินเชื่ออยู่ในระดับคงที่แม้จะมีความกดดันในเชิงลบ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ที่ 2.11% ณ สิ้นเดือน ธ.ค.57 ลดลงจาก 2.14% ณ สิ้นเดือน ธ.ค.56 ยอดสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ที่ 42,743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% จากสิ้นปี 56 โดยธนาคารมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในปี 57 เป็นจำนวน 13,214 ล้านบาท