การบริหารต้นทุนทางการเงินอย่างเหมาะสมส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 3.66 ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างปรับตัวลดลง รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (NIR) ปรับตัวลดลงร้อยละ 7.71 ส่วนใหญ่เกิดจากในปี 2556 ธนาคารได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งได้ครบกำหนดไปแล้วในปีที่ผ่านมา ขณะที่การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ลดลงร้อยละ 4.37 จากปีก่อน
ภายใต้การชะลอตัวของเศรษฐกิจและสภาวะตลาดรถมือสองที่ยังคงซบเซาในปี 2557 ธนาคารจึงมุ่งเน้นการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL ratio) เฉพาะของธนาคารลดลงอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ร้อยละ 2.97 ในขณะที่สัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพของอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (coverage ratio) เฉพาะของธนาคารปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 90.64 ส่งผลให้ปี 2557 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ (Net Profit) จำนวน 9,922 ล้านบาท ลดลง 179 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.77 จากปีก่อน
นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา ธนาคารได้ไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิเป็นจำนวนทั้งสิ้น 17,000 ล้านบาท และได้ออกตราสารด้อยสิทธิชุดใหม่จำนวน 13,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.00 ต่อปี อายุ 10.5 ปี ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งหมดต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมาที่ร้อยละ 14.80 มาอยู่ที่ร้อยละ 15.83 แสดงถึงความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคารธนชาต