(เพิ่มเติม) บลจ.กรุงศรี ตั้งเป้าปี 58 AUM พุ่งแตะ 3 แสนลบ.จากปีก่อน 2.7 แสนลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 3, 2015 16:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บลจ.กรุงศรี ตั้งเป้าปี 58 สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM)เพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนล้านบาท จากสิ้นปี 57 อยู่ที่ 2.7 แสนล้านบาท โดยมีแผนออกกองทุนใหม่ราว 40-50 กองทุน ขณะที่ประเมินดัชนีตลาดหลักทรัพย์(SET Index)แกว่งตัวในกรอบ 1,350-1,800 จุด ซึ่งคาดว่าจะผันผวนมากกว่าปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง

นายประภาส ตันพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 58 คาดว่า SET Index จะมีกรอบการแกว่งตัวที่ 450 จุด เช่นเดียวกับปี 57 ที่บริษัทประเมิน SET Index ที่ 1,200-1,600 จุด โดยในปีนี้ความผันผวนของตลาดหุ้นจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยง และสถานการณ์ในยุโรปและรัสเซียยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างมาก ทำให้ตลาดหุ้นจะมีการปรับตัวเป็นระยะๆ

ส่วนการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน(QE)ของญี่ปุ่นและยุโรปยังไม่ได้ทำให้ตลาดหุ้นไทยได้รับอานิสงส์ในเชิงบวก เนื่องจากปัญหาการเมืองในประเทศยังมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับ นโยบายของภาครัฐในการลงทุนต่างๆยังไม่เกิดขึ้นจริง ทำให้นักลงทุนต่างชาติยังไม่เกิดความเชื่อมั่น ส่งผลให้เม็ดเงินยังไม่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยมากนัก

"Flow ของเม็ดเงินต่างชาติในตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณการไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย QE ที่ยุโรปและญี่ปุ่นทำออกมาก็ยังไม่ส่งผลหนุนตลาดหุ้นไทย แต่ไปส่งผลดีต่อตลาดหุ้นประเทศอื่นมากกว่า เพราะประเทศเรามีปัญหาการเมืองในปีที่ผ่านมา ทำให้ต่างชาติไม่มั่นใจ เราก็เห็นภาพใน 2 ปีที่ผ่านมาเงินต่างชาติไหลออกชัดเจน ปี 56 ไหลออกไป 6 พันล้านเหรียญ ส่วนปี 57 เงินไหลออก 1 พันล้านเหรียญ"นายประภาส กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของเศรษฐกิจของไทยปีนี้มีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยประเมินอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ที่ 3.5-4.5% จากปีก่อนเติบโตต่ำกว่า 1% และประเมินกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทย(EPS)ในปีนี้เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่ติดลบ 3-5% จากภาวะเศรษฐกิจไทยไม่ดีและราคาน้ำมันปรับตัวลดลงแรง ส่งผลกระทบต่อผลประกอบของหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งเป็นหุ้นที่มีน้ำหนักของการส่งผลกระทบในภาพรวมต่อตลาดหลักทรัพย์ฯอย่างมีนัยสำคัญ

กลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตโดดเด่นในปีนี้ ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ฯที่ในปีนี้จะมีการส่งมอบโครงการทั้งบ้านและคอรโดมิเนียมจำนวนมาก ประกอบกับยอดขายโครงการอสังหาริมทรัพย์จะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อน จากปัจจัยอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำและกำลังซื้อของผู้บริโภคมีการฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ยังมีการเติบโตที่ดีตามอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้างคาดว่าจะมีการเติบโตได้อย่างดีเช่นกัน หากการเบิกจ่ายภาครัฐในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเกิดขึ้นจริง และกลุ่มสื่อสารที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี อีกทั้งในปลายปีนี้คาดว่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการประมูล 4G


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ