บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.แสนสิริ(SIRI) ราคาพื้นฐานเป็น 2.21 บาท คาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลสูง ปี 57 และ 58 เป็น 4.6% และ 5.2% ตามลำดับ แรงกดดันเรื่องหุ้นเพิ่มทุนจากการแปลง SIRI-W1 เข้าซื้อขายได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่ 3 ก.พ.58
นอกจากนี้ คาดการณ์กำไรหลัก 4Q57 ที่ใกล้ประกาศสดใส เป็น 1.3 พันล้านบาท เพิ่มถึง 20% y-o-y และ 65% q-o-q และถือว่าเป็นไตรมาสที่กำไรสูงสุดในรอบปี แรงผลักดันสำคัญมาจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นดีเป็น 10.2 พันล้านบาท โต 15% y-o-y และ 40% q-o-q ตามลำดับ มีการโอนคอนโดเป็นจำนวนมากในไตรมาสนี้ อีกทั้งสัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหารเทียบกับรายได้ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญเป็น 14.8% เทียบกับ y-o-y และ q-o-q ที่ 19.3% และ 18.4% อันเป็นผลพวงจากการที่บริษัทมีนโยบายบริหารค่าใช้จ่ายต่างๆให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และไม่เน้นตักตวงยอดขายมากเกินไป คือหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายบานปลาย
ด้านยอดขาย ม.ค.58 ได้ดี เบื้องต้นเป็น 800 ล้านบาท สูงกว่าเป้าบริษัทที่ 600 ล้านบาท และเติบโต 30% y-o-y เพราะได้มีการเปิดขายโครงการแนวราบใหม่ และได้รับผลดีจากการเมืองไทยที่คลี่คลาย ภาครัฐมีการเบิกจ่ายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมากยิ่งขึ้น รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับลง แต่ยอดขาย 1Q58 ยังไม่ได้หักยอดขายโครงการคอนโดที่ขอนแก่นและอุดรที่ยกเลิกโครงการไป เนื่องจากอยู่ในช่วงให้ลูกค้าตัดสินใจย้ายการซื้อไปโครงการอื่นที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน จึงต้องรอให้ตัวเลขนิ่งเสียก่อน อีกทั้งยอดขาย 1Q58 เป็นสัดส่วนเพียง 2.7% เทียบกับเป้าขายปีนี้ที่ 30 พันล้านบาท เพราะบริษัทจะเริ่มเปิดขายคอนโดตั้งแต่ 2Q58 เป็นต้นไป แต่ 1Q58 ยังไม่มีการเปิดขายคอนโด
ส่วนการเลื่อนเปิดขายคอนโดที่หมอชิตไป 2Q58 เพื่อให้สภาพโครงการมีความพร้อมมากขึ้น แต่คาดว่ายอดขายคอนโดที่ร่วมทุนกับ BTS นี้จะดีมาก ทั้งนี้บริษัทร่วมทุนได้ลงไปฝ่ายละ 50% บริษัทร่วมทุนชื่อ บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง วัน จำกัด ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 100 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญ 1 ล้านหุ้น พาร์ 100 บาทบนพื้นที่ 5 ไร่ มูลค่าโครงการ 5.3 พันล้านบาท จำนวน 873 หน่วย คาดว่าจะเปิดขาย มี.ค.58 และเริ่มรับรู้รายได้ปลายปี 60 หรือต้นปี 61 โดยคาดว่าจะสร้างยอดขายได้ดี เพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ด้วยความสดวกสบาย