KCM คาดกำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อน-อัตรากำไรสุทธิเข้าสู่ปกติ,รายได้โต 15-20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 23, 2015 10:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนิพนธ์ เจริญกิจ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เค.ซี.เมททอลชีท(KCM) คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปีก่อน ตามรายได้ที่ตั้งเป้าหมายจะเติบโต 15-20% มาที่ 1 พันล้านบาท หลังเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานก่อสร้างโครงการ ขณะที่คาดอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะกลับมาอยู่ที่ระดับปกติ 7-10% หลังจากหดตัวในปีก่อน เนื่องจากจะลงทุนซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิตแหล็กแปตัว
"แซด" (Z) จำนวน 4 เครื่อง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการนำเข้าสินค้า
"ปีนี้เราคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะกลับมาสู่ภาวะปกติที่ 7-10% จากปี 57 ที่ผ่านมากำไรสุทธิคงจะน้อยกว่าปี 56 เนื่องจากผลกระทบเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจที่ชะลอตัวไป รวมไปถึงการรับจำนำข้าวที่มีปัญหา โดยปีนี้เราจะเพิ่มกำลังการผลิตแหล็กแปตัว"แซด" (Z) ที่ช่วยลดต้นทุนการนำเข้าสินค้าได้สูงถึง 20-25% รวมไปถึงการรับรู้รายได้จากโกดังให้เช่าที่มีรายได้เข้ามาราว 5 แสนบาท/เดือน และหักค่าเสื่อมเพียง 1 แสนบาท/เดือน ที่เหลือเข้ามาก็เป็นกำไรทั้งหมด และการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานก่อสร้างโครงการที่มีอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าการขายเหล็กหน้าร้าน จะช่วยให้ภาพรวมกำไรสุทธิปีนี้ดีขึ้น"นายนิพนธ์ กล่าว

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 15-20% มาที่ 1 พันล้านบาท และจะแตะระดับ 2 พันล้านบาท ในปี 60 โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานก่อสร้างโครงการเป็น 20-25% จากเดิมที่ 6-7% ขณะที่การขายเหล็กหน้าร้านจะ ลดสัดส่วนมาที่ 75% จาก 93% ในช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ เพื่อกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจและผลักดันผลประกอบการให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ขณะที่งานก่อสร้างโครงการมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 40% ส่วนการขายเหล็กหน้าร้าน มีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 20-25%

ปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนราว 100 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) โดยจะเป็นการใช้เพื่อเปิดสาขาที่มีโรงงาน 1 แห่ง มูลค่าลงทุนราว 20 ล้านบาท รวมถึงใช้ขยายสาขาเพิ่ม 5-10 แห่ง ซึ่งเป็นสาขาที่มีเครื่องจักรเพิ่ม 3 แห่งในจ.ภูเก็ต ,แพร่ และลำปาง ใช้เงินลงทุน 15-30 ล้านบาท รวมถึงจะใช้เงินลงทุนสร้างโกดัง ซึ่งเป็นที่ดินของบริษัท ซึ่งจะเป็นอาคารขนาด13 ห้อง บนพื้นที่ 2 แปลงมูลค่าลงทุน 50 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมขยายสำนักงานขายขนาดเล็ก 92 แห่ง ตามแผน 3 ปี (58-60) จากปัจจุบันมีอยู่ 22 แห่ง โดยจะขยายในพื้นที่ภาคกลางตอนบน ,ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ดาวกระจายที่เน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น

นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 2/57 บริษัทเตรียมจะเปิดร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์รถถัง ที่กรุงเวียงจันทร์ ของลาว เพื่อขยาย งานไปยังต่างประเทศรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) โดยมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าหลังคาเหล็กจากไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการหาพันธมิตรร่วมลงทุนและเปิดโรงงานหลังคาเหล็กในลาว ขณะเดียวกันยังมีแผนเข้าลงทุนในเมียนมาร์ เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในอนาคต โดยคาดว่าจะเป็นการจำหน่ายสินค้าโครงสร้างสำเร็จรูป ซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3/58

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการอผลยื่นเสนองานมูลค่า 722 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีลูกค้าเซ็นสัญญาแล้วราว 50 ล้านบาท ขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะใช้เวลาพิจารณางานโครงสร้าง 3-4 เดือน เพื่อตัดสินใจเซ็นสัญญากับบริษัท

นอกจากนี้บริษัทยังได้จับมือกับบมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิช (PPS) ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง PPS ได้เข้าไปลงทุนในบริษัท บิลด์ เอเชีย ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาโปรแกรมและคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศ โดยมีสมาชิกกว่า 4 พันราย ซึ่งทางบริษัทจะเข้าไปเสนอราคาผ่านแอพพลิเคชั่นนี้ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะมีการเสนอขายให้ผู้รับเหมาโดยตรง

"ปีนี้เรามั่นใจว่ารายได้จะขึ้นไปแตะ 1 พันล้านบาท และในปี 60 เราจะมีรายได้ขึ้นไปถึง 2 พันล้านบาท โดยเรามีแผนระยะยาวที่จะขยายสาขาในประเทศให้ถึง 92 สาขา และยังมีการขยายตลาดไปยังต่างประเทศเพื่อที่จะรองรับ AEC อีกด้วย ในขณะเดียวกันเราก็มีการเริ่มธุรกิจใหม่ที่ได้เริ่มไปแล้วคือโกดังให้เช่า รวมไปถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมในแอพพลิเคชั่นที่บิลด์ได้พัฒนา จะช่วยสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นอย่ามีนัยสำคัญ และเราก็ยังมองหาการขยายธุรกิจใหม่ๆเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เรามองในทุกๆธุรกิจที่สามารถให้ผลตอบแทนที่มากและทำให้ผู้ถือหุ้นพอใจ"นายนิพนธ์ กล่าว

นายนิพนธ์ กล่าวถึงแนวโน้มอัตรากำไรสุทธิปีนี้ว่าจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 7-10% ใกล้เคียงปี 55-56 ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 57 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิในระดับเพียง 2.13%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ