นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TUF กล่าวว่า การเติบโตของยอดขายในปีนี้มาจากภายในธุรกิจหลักของบริษัท และการมุ่งเน้นที่กลยุทธ์การรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวของธุรกิจ ขณะที่ก็จะดำเนินการด้วยการรักษาระเบียบวินัยทางการเงิน รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง การสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อผู้บริโภค รวมถึงการยึดมั่นแนวทางความยั่งยืนในการดำเนินการทุกหน่วยธุรกิจ
ในปีนี้ธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีต่อไป โดยจะนำเสนอความหลากหลายของผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมี่ยม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคในตลาดต่างๆ ทั่วโลก และบริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนการลงทุนอันโดดเด่นแก่ผู้ถือหุ้นและทียูเอฟ เพื่อสร้างการเติบโตให้ต่อเนื่องต่อไป
"ภาพรวมของธุรกิจในปีนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ระดับ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ผลประกอบการปี 57 นับว่าเป็นปีที่ดีที่สุดทั้งในส่วนของกำไรสุทธิและยอดขาย"นายธีรพงศ์ กล่าว
สำหรับในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขาย 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการรวมเมอร์อไลอันซ์ และคิงออสการ์ ซึ่งบริษัทได้เข้าซื้อกิจการดังกล่าวตั้งแต่เดือนก.ย.57 ขณะที่มีกำไรสุทธิประจำปีอยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.5% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของรายได้ในทุกหน่วยธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจปลาทูน่า
"ผลประกอบการปี 2557 บ่งชี้การเติบโตที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากหมวดหมู่แบรนด์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ และประสิทธิภาพการจัดการด้านต้นทุน การดำเนินการเหล่านี้ยังคงเป็นสิ่งสำคัญควบคู่ไปกับการยกระดับการคัดสรรวัตถุดิบ การผสานร่วมกันทั้งด้านการผลิตและการตลาดกับบริษัทใหม่ที่เข้ามาอย่าง เมอร์อไลอันซ์ และคิงออสการ์ ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลในเวลาอีกไม่นาน ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะขับเคลื่อนผลการดำเนินงานและการเติบโตที่แข็งแกร่ง"นายธีรพงศ์ กล่าว
นายธีรพงศ์ กล่าวอีกว่า ภาพรวมสัดส่วนรายได้ของ 6 กลุ่มธุรกิจ แบ่งตามผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทในปี 57 ได้แก่ กลุ่มธุรกิจปลาทูน่ามีสัดส่วนรายได้ 44% ,กลุ่มธุรกิจกุ้งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกุ้ง 24% ,กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 7% ,กลุ่มธุรกิจปลาซาร์ดีนและปลาแมคเคอเรล 5% ,กลุ่มธุรกิจปลาแซลมอน 5% และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ 15%
ขณะที่สัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจบริษัทในปี 57 แบ่งตามตลาดมีดังนี้ สหรัฐอเมริกา มีสัดส่วน 44% ,ยุโรป 29% , ตลาดในประเทศ 7% ,ญี่ปุ่น 7% และตลาดอื่นๆ รวม 13%
ด้านผลกำไรในปีที่ผ่านมานับว่าโดดเด่นในกลุ่มธุรกิจปลาทูน่า นอกจากนี้ผลประกอบการที่น่าพอใจมาจากการเติบโตของกำไรสุทธิในธุรกิจปลาแซลมอน อันเป็นผลมาจากการรวมกิจการของเมอร์อไลอันซ์ และในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของล็อบสเตอร์ ซึ่งดำเนินงานโดยชิคเก้นออฟเดอะซี โฟรเซ่น ฟู้ด บริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกา