สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (23 – 27 กุมภาพันธ์ 2558) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 409,621 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 81,924 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 17.11% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 62% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 253,760 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 104,534 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 10,972 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB21DA (อายุ 6.8 ปี) LB176A (อายุ 2.3 ปี) และ LB196A (อายุ 4.29 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 34,841 ล้านบาท 21,673 ล้านบาท และ 18,083 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) รุ่น LH153A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 1,421 ล้านบาท หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) รุ่น BAY156A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 603 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด รุ่น AWN244B (AA+) มูลค่าการซื้อขาย 492 ล้านบาท
ราคา (Price) ของพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้นในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป หรือผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทน (Yield) ลดลง ประมาณ 0.03% - 0.10% หากเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยจะพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในการประชุมแต่ละรอบเป็นหลัก มีส่วนทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อตราสารหนี้ไทยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้านปัจจัยภายในประเทศ ธปท. รายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมกราคม 2558 โดยเฉพาะดัชนีการบริโภคภาคเอกชนยังคงทรงตัวที่ระดับ 108.5 และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจอยู่ที่ระดับ 49 ซึ่งต่ำกว่าที่ ธปท. คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ โดยมีสาเหตุมาจากภาคครัวเรือนยังระมัดระวังการใช้จ่าย และภาคธุรกิจยังรอความชัดเจนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ
นอกจากนี้แล้ว การประมูลพันธบัตรระยะสั้น (อายุน้อยกว่า 1 ปี) ทั้งตั๋วเงินคลังและพันธบัตร ธปท. ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ด้วยความต้องการประมูลในจำนวนที่สูงกว่าปริมาณพันธบัตรที่ออกขาย (ค่า Bid Coverage Ratio: BCR) ประมาณ 1.74-4.25 เท่า
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (23 – 27 ก.พ. 58) มีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาในตราสารหนี้รวมสุทธิ 1,325 ล้านบาท โดยเงินไหลเข้าในตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือ > 1 ปี) ประมาณ 12,031 ล้านบาท ขณะที่ไหลออกจากตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุน้อยกว่า 1 ปี) ประมาณ 10,679 ล้านบาท